ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 23-01-2009, 13:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,501 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เมื่อความดีปรากฏ ชื่อเสียงเริ่มมา

พอทำความดีถึงระดับหนึ่ง เรื่องของชื่อเสียงลาภยศจะไหลมาเทมา โลกธรรม ๘ มาอย่างนี้ เผลอเมื่อไรเราจะไหลตามไปเลย ต้องมีสติว่า เราอาศัยโลกธรรมนี้เป็นบันได เพื่อให้เราก้าวขึ้นไปที่สูง แต่อย่าให้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเรา เรื่องอย่างนี้เผลอเมื่อไรก็เสร็จเมื่อนั้น

นักบวชหลายต่อหลายท่านด้วยกัน พอมาถึงจุด ๆ หนึ่งความดีเริ่มปรากฏ คนก็แห่แหนกันมา แล้วก็ไปติดอยู่ตรงนั้น กำลังใจถ้าทรงตัวมั่นคง ก็ไม่มีปัญหา แต่จะมีปัญหาตรงที่ว่า ถ้าเราแค่ข่มกิเลสเอาไว้ได้ แล้วไม่มีปัญญารักษากำลังใจให้ต่อเนื่อง เพราะมัวแต่ไปรับแขกอยู่ ไปรับกิจนิมนต์อยู่ ก็เสร็จกิเลสเขาหมด

ของอาตมาเวลาที่ยังเป็นฆราวาส ตอนแรกก็มานั่งน้อยใจว่า ทำไมกูไม่บวชเสียแต่อายุเพิ่งครบยี่สิบ พรรษาจะได้สูงกว่านี้ จะได้งัดข้อกับเขาได้ถนัดกว่านี้..ใช่ไหม ? แล้วนึกไปนึกมา เออ..ที่ลากมาจนจะ ๓๐ แล้วค่อยบวชอย่างนี้ก็ดีแล้ว เพราะว่าอย่างน้อย ๆ ก็ได้ปฏิบัติจนสร้างความมั่นคงทางกำลังใจได้ระดับหนึ่ง เมื่อไปเจอปัญหา อย่างน้อย ๆ ก็ยังมีสติสัมปชัญญะที่แก้ไข ไม่อย่างนั้นถ้าเอาแต่แรงบ้า มุทะลุอย่างเดียว อาจจะโดนไล่ออกจากวัดไปนานเนกาเลแล้วก็ได้

ตรงจุดนี้แหละที่อาตมาเอาเป็นข้อได้เปรียบ พยายามศึกษา พยายามดูลีลาของมารว่าจะมาแบบไหน ทุกอย่างที่มารส่งมา เมื่อถึงวาระก็จะเป็นเครื่องทดสอบเราทั้งนั้น เขาจะพยายามดึงเรา ถ่วงเราไม่ให้เราก้าวไปได้เร็ว


จากกระโถนข้างธรรมมาสน์ฉบับที่ ๕๑
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 29-03-2012 เมื่อ 04:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 61 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา