ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 02-04-2013, 19:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,619
ได้ให้อนุโมทนา: 151,818
ได้รับอนุโมทนา 4,413,361 ครั้ง ใน 34,209 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วิธีสุดท้ายคือการพิจารณาโดยเอาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอุทาหรณ์ องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา เป็นผู้เลิศไปด้วยความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรม เมื่อตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเข้าถึงความบริสุทธิ์นั้น พระองค์ท่านต้องบำเพ็ญเพียรมาอย่างน้อย ๒๐ อสงไขยกัป เนื่องจากคิดว่าเราจะเป็นพระพุทธเจ้า ๗ อสงไขยกัป กล่าวว่าเราจะเป็นพระพุทธเจ้าอีก ๙ อสงไขยกัป ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติเพื่อความเป็นพระพุทธเจ้าอีก ๔ อสงไขยกับแสนมหากัป

ระยะเวลาที่ยาวนานไม่เห็นต้นเห็นปลายนี้ พระองค์ท่านทรงพากเพียรบากบั่น จนกระทั่งประกอบไปด้วยบารมีซึ่งเป็นที่ยอมรับของทั้งมนุษย์ ทั้งเทวดา และทั้งพรหมทั่วไป บุคคลที่ยิ่งใหญ่ เป็นเลิศ ประเสริฐ ไม่มีสองในโลกอย่างพระองค์ท่าน ก็ยังเสด็จดับขันธ์เข้าสู่พระปรินิพพานเช่นกัน ตัวเราซึ่งมีอัตภาพแต่เพียงนี้ มีฐานะเพียงนี้ มียศเพียงนี้ มีฤทธิ์มีปัญญาแต่เพียงนี้ ไม่มีสักส่วนเสี้ยวเดียวที่สามารถเปรียบเทียบองค์พระปัจเจกพุทธเจ้าหรือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ แล้วเราจะล่วงพ้นความตายไปได้นั้น ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่ได้อยู่ในวิสัย อย่างไรเสียเกิดมาเราก็ต้องตายอย่างแน่นอน

ในเมื่อความตายจะมาถึงเราในทุกขณะ ถ้าเราตายแล้วต้องเวียนว่ายมาเกิดอีก ก็จะประกอบไปด้วยความทุกข์เช่นนี้อีก ดังนั้น..เราจึงควรที่จะขวนขวายหาทางหลุดพ้นเสียดีกว่า ก็ให้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติในศีล สมาธิ และปัญญา จนกระทั่งศีลของเราบริสุทธิ์บริบูรณ์ สมาธิทรงตัวตั้งมั่น มีปัญญาเห็นจริงว่าสภาพของร่างกายนี้ก็ดี สภาพของโลกนี้ก็ดี ประกอบไปด้วยความไม่เที่ยงเป็นปกติ ประกอบไปด้วยความทุกข์เป็นปกติ ไม่สามารถยึดถือมั่นหมายเป็นตัวตนเราเขาได้ ท้ายที่สุดก็เสื่อมสลายตายพังไปทั้งสิ้น

ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาเช่นนี้เราไม่ต้องการอีก สามารถถอนจิตของตนพ้นจากความยินดีในร่างกายนี้ ในโลกนี้ ก็สามารถหลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพานได้ ด้วยอำนาจของมรณานุสติกรรมฐานดังพรรณนามา ลำดับต่อไปก็ให้ทุกคนตั้งใจภาวนาหรือพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันอาทิตย์ที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๖

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยรัตนาวุธและเถรี)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-04-2013 เมื่อ 02:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา