ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 02-05-2019, 21:07
นายกระรอก's Avatar
นายกระรอก นายกระรอก is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2014
ข้อความ: 442
ได้ให้อนุโมทนา: 88,664
ได้รับอนุโมทนา 83,875 ครั้ง ใน 1,594 โพสต์
นายกระรอก is on a distinguished road
Default

เมื่อปฏิบัติไปแล้ว ส่วนสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือว่า ต้องรู้จักรักษาอารมณ์ใจเอาไว้ ของพวกเราส่วนมากร้อยละเกิน ๙๐ เมื่อเลิกกรรมฐานแล้วก็ปล่อยวางทั้งหมด พูดง่าย ๆ คือทิ้งไปเลย ไม่มีการประคับประคองรักษากำลังใจของเรา ให้มั่นคงแน่วแน่เท่ากับตอนที่กำลังปฏิบัติธรรม

ถ้าลักษณะอย่างนั้นเราทำไปก็เสียเวลาเปล่า เพราะว่าถึงเวลากำลังใจก็ไหลไปตามกิเลส ไหลไปตาม รัก โลภ โกรธ หลง การปฏิบัติถ้าหวังความก้าวหน้า ต้องรู้จักรักษากำลังใจให้ต่อเนื่อง อย่าปล่อยให้ รัก โลภ โกรธ หลง แทรกเข้ามาได้ เพราะว่าถ้า รัก โลภ โกรธ หลง แทรกเข้ามาเมื่อไร ปัญญาจะถดถอย สมาธิก็ถดถอย

คราวนี้การที่เราจะรักษาอารมณ์ใจไว้ได้นั้นทำอย่างไร ? ถ้าเราภาวนาไปแล้วอารมณ์ใจทรงตัว จะเกิดอาการอย่างหนึ่งก็คือ รู้ลมและคำภาวนาโดยอัตโนมัติ วิธีการรักษาอารมณ์ใจก็คือ เอาสติเข้าไปประคับประคองอาการรู้นั้นเอาไว้ อย่าเผลอให้สติหลุดไปจากตรงนั้น ถ้าหลุดไปเมื่อไร รัก โลภ โกรธ หลง จะแทรกเข้ามาตอนไหนก็ไม่รู้

ถ้าเราเอาสติประคับประคองระมัดระวังอยู่ เราก็จะสามารถรักษากำลังใจให้แน่วแน่เท่ากับตอนช่วงที่เรานั่งปฏิบัติธรรม ไม่ว่าจะ ยืน เดิน นั่ง นอน ดื่ม กิน คิด พูด ทำอย่างไรก็ตาม กำลังใจของเราก็จะปราศจากกิเลส เทียบเท่ากับตอนที่นั่งปฏิบัติ อย่างน้อย ๆ อำนาจของฌานสมาบัติที่ทรงอยู่ กิเลสทั้งหลายกินใจเราไม่ได้ ความผ่องใสของใจก็จะมีมากขึ้นไปเรื่อย ๆ เมื่อคลายสมาธิออกมา อย่าลืมที่ได้กล่าวไปเมื่อวาน ก็คือต้องรีบเอาวิปัสสนาญาณมาให้พิจารณา ไม่อย่างนั้นกิเลสจะเอากำลังสมาธิไปฟุ้งซ่าน แล้วก็ทำให้เราเดือดร้อนเป็นอันมาก

เมื่อพิจารณาจนอารมณ์ใจทรงตัวแล้ว จะเป็นการภาวนาเองโดยอัตโนมัติ แต่ถ้าภาวนาแล้วอารมณ์ใจทรงตัวถึงที่สุด ไปต่อไม่ได้ เมื่อคลายออกมา เราต้องบังคับให้พิจารณา ไม่อย่างนั้นสภาพจิตก็จะฟุ้งซ่านเอง ถ้าเรารู้จักกระทำดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น การปฏิบัติธรรมของเราจึงจะก้าวหน้า ไม่เช่นนั้นปีแล้วปีเล่า เราทำไปเท่าไรก็ยังคงอยู่กับที่ หรือไม่ก็ถดถอยไปเรื่อย เมื่อรู้สาเหตุแล้ว ต่อไปก็ให้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติไปตามที่ได้กล่าวมา เพื่อความก้าวหน้าของเรา จนกระทั่งสามารถหลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพานได้ในที่สุด

ลำดับต่อไปก็ขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันอาทิตย์ที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๒

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย นายกระรอก)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-05-2019 เมื่อ 00:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา