เทศนาวันมาฆบูชา
( วันเสาร์ที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ )
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
สพฺพปาปสฺส อกรณํ กุสลสฺสูปสมฺปทา
สจิตฺตปริโยทปนํ เอตํ พุทฺธาน สาสนํ ติฯ
ณ บัดนี้ อาตมภาพรับหน้าที่วิสัชนาในโอวาทปาฏิโมกข์กถา เพื่อเป็นเครื่องประดับสติปัญญา เพิ่มพูนบารมี เสริมสร้างกุศลบุญราศี แก่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย ที่พร้อมใจกันมาบำเพ็ญกุศลเนื่องในวันมาฆบูชา ณ วัดท่าขนุนแห่งนี้
ญาติโยมทั้งหลาย วันมาฆบูชานั้น จัดเป็นวันสำคัญยิ่งวันหนึ่งในพระพุทธศาสนา แต่เนื่องจากว่าได้ปล่อยปละละเลยมานาน จนกระทั่งถึงในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์นี้ พระองค์ท่านทรงพินิจพิจารณาแล้วเห็นว่า วันมาฆบูชานั้นประกอบไปด้วยองค์สำคัญ ๔ ประการ ที่เรียกว่า
“จาตุรงคสันนิบาต” คือถึงพร้อมด้วยความสำคัญดังต่อไปนี้
ประการที่หนึ่ง เป็นวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราทั้งหลาย ทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ ซึ่งเป็นพุทธประเพณีหลักการปฏิบัติ ไม่ว่าองค์สมเด็จพระบรมโลกนาถจะเป็นพระองค์ใด เกิดในยุคใดสมัยใดก็ตาม เมื่อตั้งพระพุทธศาสนาขึ้นมาแล้ว จะช้าจะเร็วก็ต้องมีการประชุมสงฆ์ เพื่อที่จะแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ ซึ่งก็คืออุดมการณ์ หลักการ และวิธีการปฏิบัติในบวรพุทธศาสนา เพื่อให้พระสงฆ์ทั้งหลายได้นำเอาสิ่งเหล่านั้น ไปสั่งสอนแก่ประชาชนให้เป็นทางเดียวกัน ไม่ลักลั่นกัน