ดูแบบคำตอบเดียว
  #41  
เก่า 06-09-2018, 19:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,375
ได้ให้อนุโมทนา: 150,734
ได้รับอนุโมทนา 4,397,252 ครั้ง ใน 33,964 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"คนจีนสมัยก่อนเขาบอกว่า “ถ้าเวลาอดอยากก็นึกถึงแต่ตัว ถ้าอิ่มขึ้นมาเมื่อไรก็อยากมีคู่ มีครอบครัวเมื่อไรก็อยากร่ำรวย เมื่อร่ำรวยก็อยากมีอำนาจ พอมีอำนาจก็อยากที่จะอยู่ค้ำฟ้า” จะว่าไปแล้วเรื่องเหล่านี้ก็เป็นเรื่องปกติ เพราะว่าความอยากทั้งหลายเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ปุถุชนทั่ว ๆ ไปล้วนแล้วแต่ปรารถนา

แต่เราจะเห็นว่าเป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เพราะว่า การที่เราจะอยู่ยั้งยืนยง ทั้ง ๆ ที่สารพัดสิ่งล้วนแล้วแต่เสื่อมสลายไป มีอยู่บุคคลประเภทเดียวที่อยากอยู่ก็จะอยู่ได้นานมาก ก็คือพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณที่ท่านยังมีภารกิจอยู่ สามารถอธิษฐานร่างกายให้อยู่ได้เป็นกัป ก็คือเมื่อถึงเวลาร่างกายชำรุดทรุดโทรมมาก ก็ใช้อำนาจอภิญญาสมาบัติ โดยเฉพาะในเรื่องของกสิณ อธิษฐานให้ธาตุ ๔ เสมอกัน เท่ากับว่ากลับเป็นหนุ่มใหม่อีกครั้งหนึ่ง กลับเป็นสาวใหม่อีกครั้งหนึ่ง แล้วก็จะอยู่ต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งกายสังขารเกิดอาการแก่ชราตามอายุรอบใหม่ ถึงเวลาไปไม่ไหวก็ต้องอธิษฐานกันใหม่อีกทีหนึ่ง

แต่ลักษณะนั้นท่านก็ไม่ได้อยากอยู่ เพราะเห็นอยู่ชัด ๆ ว่าร่างกายนี้เป็นทุกข์ ท่านอยู่เพราะว่าหน้าที่ยังไม่หมด หมดหน้าที่เมื่อไรท่านก็ไป ก็แปลว่าถ้าใครอยากอยู่เท่ากับเป็นมิจฉาทิฐิ แปลว่ามีความเห็นผิดเป็นปกติ คำว่า มิจฉาทิฐิ ฟังดูอาจจะรุนแรง จริง ๆ แล้วก็คือความเห็นผิด เห็นในสิ่งที่ไม่ดีว่าเป็นสิ่งที่ดี ถ้าเปลี่ยนความเห็นได้เมื่อไรก็จะกลับเป็นสัมมาทิฐิ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2018 เมื่อ 03:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา