ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 10-07-2017, 09:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สิ่งทั้งหลายทั้งปวงล้วนแล้วแต่เป็นอย่างนี้ ดังนั้น...เมื่อเราภาวนาจนกำลังใจทรงตัวดีแล้ว ก็ให้คลายกำลังใจออกมาพิจารณา ให้เห็นว่าร่างกายของเราก็ดี ของคนอื่นก็ดี ของสัตว์อื่นก็ดี ของวัตถุธาตุสิ่งของทั้งหลายก็ดี มีการเกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงไปในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด หมุนเวียนอยู่เช่นนี้ไม่รู้จักจบจักสิ้น

เมื่อเราเห็นแล้วว่าสรรพสิ่งไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน ก็จะเกิดความเบื่อหน่ายในความไม่รู้จักจบจักสิ้น หรือที่ภาษาวัยรุ่นสมัยนี้เขาบอกว่า "เยอะมาก" ความไม่รู้จักจบสิ้นที่หมุนเวียนทับถมอยู่นั้น ก็คือวัฏสงสารที่พาเราเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จบไปด้วย

เมื่อเราเห็นชัดเจนขึ้นมา สภาพจิตเกิดความเบื่อหน่าย ก็จะถอนสภาพจิตของตนเองมาจากการเกาะแน่นแฟ้นแต่เดิม กลายเป็นว่าสักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น สักแต่ว่าได้ยิน ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นอีก เพราะเห็นแล้วว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นไม่เที่ยง

ในเมื่อไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ไม่เข้าไปปรุงแต่ง ก็เท่ากับว่าเราตัดวงจรของการเวียนว่ายตายเกิดเหล่านั้นลง เพราะว่าสภาพจิตที่เป็นกลาง ไม่ปรุงแต่งไปใน รัก โลภ โกรธ หลง นั้น เป็นสภาพจิตที่ไม่มีอะไรผูกมัดได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-07-2017 เมื่อ 10:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา