ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 01-01-2017, 18:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,069
ได้รับอนุโมทนา 4,399,753 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าจะเอาให้กว้างกว่านั้น ก็ให้เอาตามหลักของสังโยชน์ทั้ง ๑๐ ก็คือ ดูว่าเรามียังมีสักกายทิฐิ เห็นว่าตัวเราเป็นเรา ยึดถือคำว่าตัวกูเหนียวแน่นไม่ยอมละวาง วิจิกิจฉา มีความลังเลสงสัย ปรามาสในพระรัตนตรัยเป็นปกติ สีลัพพตปรามาส รักษาศีลแบบไม่จริงไม่จัง กามฉันทะ ยังมีความยินดีในระหว่างเพศอยู่
พยาปาทะ ยังโกรธเกลียดอาฆาตพยาบาทคนอื่นอยู่

รูปราคะ ยังยึดในรูปว่าเป็นสิ่งที่ดี โดยเฉพาะรูปฌาน อรูปราคะ ยังยึดในสิ่งไม่ใช่รูปว่าเป็นสิ่งที่ดี เช่น อรูปฌาน มานะ มีความถือตัวถือตน อุทธัจจะ มีความฟุ้งซ่านอยู่เสมอ และอวิชชา มีความเขลาเพราะไม่รู้จริง จึงไปยึดมั่นถือมั่น ถ้าเราพินิจพิจารณาตามนี้ก็จะเห็นว่า รากเหง้าของความชั่วนั้นมีอยู่เต็มหัวใจของเรา ก็ต้องใช้ปหานปธาน คือ ความเพียรในการตัดละความชั่วออกไปจากใจของเรา

นิวรณ์ทั้ง ๕ อย่างนั้นสามารถแก้ด้วยอานาปานสติ คือลมหายใจเข้าออก ถ้าลมหายใจเข้าออกของเราทรงตัว นิวรณ์ ๕ อย่างก็จะสูญสลายไปชั่วคราว สภาพจิตของเราก็จะมีความผ่องใส ความชั่วไม่สามารถที่จะเข้ามายึดเกาะได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-01-2017 เมื่อ 19:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา