"ในเรื่องมหาสติปัฏฐาน ให้พวกเรารู้จักดูกำลังใจของเราว่า เวลาที่เราไปไหนในแต่ละงาน แต่ละสถานที่ กำลังใจของเรายินดียินร้ายอย่างไร? ให้รู้เท่าทันและระวังป้องกันมัน พยายามให้มันเป็นอุเบกขารมณ์ ก็คือวางเฉยให้ได้ทุกสถานการณ์ จิตใจจะได้ไม่ปรุงแต่งไปกับรัก โลภ โกรธ หลง
ตรงจุดนี้มันเป็นการดูจิตในจิตของเรา เกือบจะเป็นหมวดสุดท้ายแล้วในมหาสติปัฏฐาน แล้วถ้าหากดูได้มาก ๆ จะเห็นธรรมไปอีกส่วนหนึ่ง จะเป็นเห็นธรรมในธรรม
เสียดายมหาสติปัฏฐาน บางทีเราจะศึกษามัน ก็จะพาให้เนิ่นช้า เพราะยากสำหรับพวกเรา เราก็ทำเฉพาะบรรพต้น ๆ อานาปานบรรพ สัมปชัญญะบรรพ อิริยาบถบรรพ นวสีวถิกาบรรพ ก็คืออสุภกรรมฐาน พอทำกันได้
พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า จงอย่ายึดอะไร ๆ แม้แต่น้อยหนึ่งในโลกนี้ มันจบตรงนั้นแหละ เพราะฉะนั้น..ตอนหนึ่งถ้าทำจริงได้ก็จบแล้ว อาตมาก็เลยอ่านมหาสติปัฏฐานไม่จบสักที พออ่านแล้วชอบใจจะลงมือทำเลย จนกระทั่งต้องบนตัวเอง คำว่าบนตัวเอง คือทำอย่างไรเราจะอ่านให้จบ ต้องบังคับตัวเองให้ได้"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 22-04-2015 เมื่อ 13:06
|