๓๖. พระหกกษัตริย์
สมัยยังหนุ่ม ๆ (แฮ่...ยอมรับว่าแก่แล้ว) อาตมาออกเสาะหาพระเครื่องเป็นการใหญ่ จนไปเจอดีจาก
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ท่านว่า “
ดีนอก เอาไปเดี๋ยวก็หล่นหาย เอาดีในซิ...” ดีในของท่านคือ “
พุทโธ” ท่านว่า
คำเดียวคุ้มได้ทั้งสามโลก...
หลวงปู่ให้ของดีแบบนั้น อาตมากลับไม่ชอบใจ (จะเอาอะไรกับเด็กโง่แต่อวดฉลาด) เที่ยวเสาะหาเรื่อยไป หมดเงินหมดทองไปไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร แต่พระแบบที่อยากได้กลับไม่ได้ซักที พระที่ว่าคือ พระเครื่องของ
หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค จังหวัดพระนครศรีอยุธยา...
หลวงปู่ปานนั้น นอกจากจะมีชื่อเสียงทางรักษาโรค และ
เป่ายันต์เกราะเพชรแล้ว เครื่องรางของขลังอื่น ๆ ของท่าน ก็มีชื่อเสียงเลื่องลือไม่แพ้กัน โดยเฉพาะพระดินเผาชุดที่เรียกว่า
พระหกกษัตริย์ เป็นที่สรรหาของเหล่านักสะสมพระเครื่องเป็นอย่างยิ่ง...
พระเครื่องและเครื่องรางของขลังนั้น บางสำนักเขาโจมตีว่าเป็นเรื่องเหลวไหล บ้างก็ว่าเป็นเดรัจฉานวิชา หลอกลวงให้คนหลงงมงาย ช่างน่าสมเพชเวทนาที่ท่านมีความคิดสั้น ๆ โดยไม่มองให้เห็นถึง
อุบายอันชาญฉลาดของคนโบราณที่แฝงไว้...
หลวงพ่อบอกว่าคนเล่นพระเครื่อง ไม่ใช่ว่าจะไม่มีดีเอาเลย ถ้าจิตเขาเกาะจริง ๆ จัดเป็น
พุทธานุสติหรือ
สังฆานุสติ ถ้าตายไปอย่างน้อยก็เกิดเป็นเทวดาได้ (แต่พวกที่เอาพระไปทำเม็ดถั่วกำทายกัน เล่นการพนัน รับรองว่าลงนรกแน่...! อันนี้อาตมาว่าเอง)
อานุภาพของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ย่อมตามรักษาผู้ที่ระลึกถึง อย่างน้อยก็ป้องกันอบายภูมิได้
จิตที่เกาะพระคือจิตที่เป็นกุศล ผู้ที่จิตเป็นกุศลเขาห้ามลงอบายภูมิ ถ้าไม่เชื่อลองไปถาม
พระยายมราชดูซิ... (หรืออยากลงเลยก็เชิญตามสบายนะจ๊ะ...)
พระราชธรรมาภรณ์ (หลวงพ่อเงิน) วัดดอนยายหอม จังหวัดนครปฐม พูดถึงกำลังใจของผู้ที่แขวนพระเครื่องไว้ว่า...
กำลังใจสูงสุดเข้มข้นมาก ปืนจะยิงไม่ออก (
มหาอุตม์)
กำลังใจอ่อนลงมานิดหนึ่ง ยิงออกแต่ไม่ถูก (
แคล้วคลาด)
กำลังใจปานกลาง ยิงถูกแต่ไม่เข้า (
คงกระพัน)
กำลังใจอ่อนมาก ยิงเข้าแต่ไม่ตาย (
โชคดี)
กำลังใจอย่างแย่ที่สุด ยิงตายแต่ไปสวรรค์ (
สุคติ)
ครูบาอาจารย์สมัยก่อนท่านมีความฉลาดมาก หาอุบายให้คนเกาะความดีด้วยประการต่าง ๆ การสร้างพระขึ้นมาแจกก็เป็นวิธีการอย่างหนึ่ง ท่านจะแนะนำให้ผู้รับพระเครื่องไป ตั้งอยู่ในศีลในธรรม ห้ามพูดคำหยาบ ห้ามด่าแม่เขา โดยสำทับว่า ถ้าทำไม่ได้พระจะไม่คุ้มครอง ผู้ที่รับพระไป จึงกลายเป็นคนมีศีลสัตย์ไปโดยปริยาย...
พระหกกษัตริย์นั้น หลวงปู่ปานเรียนวิธีทำมาจาก
ชีปะขาวที่ปรากฏตัวมาบอก เป็นพระพุทธรูปประทับนั่งอยู่บนหลังสัตว์พาหนะ ๖ ชนิด ประกอบด้วย
ครุฑ หนุมาน ไก่ ปลา เม่น และ
นกกระจาบ ตำราสร้างพระชุดนี้ ตกทอดมาจาก
สมัยพระร่วงโน่น...
วิธีการทำพระก็แสนยาก ต้องเป็นผู้ที่คล่องใน
สมาบัติ ๘ เท่านั้น ถ้าเป็นพระอนาคามีหรือพระอรหันต์ ก็ต้องเข้า
นิโรธสมาบัติด้วย ปิดโบสถ์ทำผงพระ ๑๕ วัน ๑๕ คืน ดื่มได้แต่น้ำสะอาดเท่านั้น (ถ้าไม่แน่จริงก็ลมใส่วายปราณไปเองแหละ...) การทำผงเริ่มด้วยการเอาผ้าขาวมาเสกเป็นรูปสัตว์นั้น ๆ เช่น เสกเป็นครุฑ ครุฑก็จะกางปีกออก มีคาถาปรากฏอยู่ที่ปีก ให้ลอกคาถานั้นมาเขียนด้วยดินสอพองบนกระดานชนวน เสกไป เขียนไป ลบไป จนได้ผงวิเศษมากพอ ที่จะบรรจุในพระชนิดนั้น ๆ...
ทำพระผงหนุมานก็เสกผ้าขาวเป็นลิงเผือก ลิงจะแบมือออกให้เห็นคาถา ถึงจะเป็นพระไก่ พระปลา พระเม่น และพระนกกระจาบก็เช่นกันคือ เสกผ้าขาวเป็นสัตว์ชนิดนั้น แล้วลอกคาถามาเขียนลบทำผงวิเศษ (อาตมาเสกเท่าไรก็เป็นผ้าขาวอย่างเดิม...ฮิ...ฮิ...)
องค์พระทำจากดินเหนียวเผาไฟ เจาะรูด้านบนสำหรับบรรจุผงวิเศษ ซึ่งผงแต่ละชนิดมีอานุภาพต่าง ๆ กันไป แต่เวลาหลวงปู่ปานเสกเสร็จ
ท่านเอาผงทั้ง ๖ ชนิดเคล้ารวมกัน ดังนั้นพระเครื่องของท่านทุกองค์ จึงมีอานุภาพครบถ้วนทั้ง ๖ ประการ ดังนี้...
พระหนุมานเป็นพระหมอ ใช้ทำน้ำมนต์รักษาโรคทุกชนิด
พระครุฑ ใช้ทำน้ำมนต์ครรภ์รักษา หญิงมีครรภ์ดื่มกินจะคลอดบุตรง่าย
พระนกกระจาบ ใช้ทำน้ำมนต์พรมไร่นา ข้าวกล้าจะได้ผลดี
พระปลา ใช้ทำน้ำมนต์พรมสินค้า จะซื้อง่ายขายคล่อง
พระไก่ ใช้พกติดตัว ไปไหนมีแต่คนรักใคร่เมตตา
พระเม่น ใช้พกติดตัวเวลาเดินทาง ช่วยป้องกันอันตรายทั้งปวง
ดังกล่าวแล้วว่า
พระทุกองค์มีอานุภาพครบทั้ง ๖ ประการ
นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการกระทำทางไสยศาสตร์ คุณผีคุณคน และ
ถอนพิษสัตว์ได้ทุกชนิด เมื่อจะถอนพิษให้เอาองค์พระชุบน้ำปิดลงที่แผล โดยหันเศียรพระขึ้นด้านบน พระจะดูดติดแน่นกับแผลจนกว่าพิษจะหมด เมื่อพิษหมดพระจะหลุดออกมาเอง (ระวังตกหายนะจ๊ะ...)
ส่วนที่พิสดารคือ ชาวบ้านแถวบางนกแขวก จังหวัดสมุทรสงคราม เอาไปแขวนกัน
ไข้จับสั่น (บ่แม่นจับไข่สั่นเด๊ออ้าย...!) เห็นว่าได้ผลชะงัดนัก ขนาดสั่นเป็นจ้าวเข้าแล้ว แขวนไว้พักเดียวหาย (หายไข้นะจ๊ะ ไม่ใช่พระหาย...)
การทำน้ำมนต์รักษาโรค ให้เอาน้ำสะอาดมา ๑ แก้ว เอาองค์พระแช่น้ำ จุดธูปเทียน บูชาพระ สวดนะโมฯ ๓ จบ ว่าไตรสรณาคม ตั้งแต่ พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ จนถึง ตติยมฺปิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ สวดอิติปิ โสฯ ทั้งสามห้อง แล้วว่าคาถาดังนี้...
“
อิทธิฤทธิ พุทธนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึ่งแก่มะอะอุนี้เถิด” แล้วอธิษฐานว่า “
ขอบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ และพระ...ขอจงทำน้ำนี้เป็นน้ำมนต์ รักษาโรค...ให้หายโดยพลันด้วยเถิด...”
ที่เว้นวรรคไว้เติมเอาเอง เช่น พระหนุมาน โรคเอดส์ เป็นต้น แล้วเอาน้ำมนต์ให้คนป่วยดื่ม ถ้าไม่หายก็ตายแล...เอ๊ย...
ถ้าไม่กรรมหนักจริง ๆ รับรองว่าหาย ก่อนให้ดื่มก็เอาพระออกก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวอร่อยจัด พาลดื่มพระลงท้องไปด้วย มันจะยุ่งกันใหญ่...
หลวงพ่อและเพื่อนพระช่วยกันพิมพ์พระ เจาะรู สุมไฟ บรรจุผงวิเศษ อยู่หลายเดือนจึงได้พระมา ๘๘๐ ปีบ เอามาให้หลวงปู่ปานเสก วันแจกพระคนมาอย่างกับมีงานมหกรรม หุงข้าวพร้อมกันทีละ ๘ กระทะ ยังไม่ทันคนกินเลย...
การแจกก็แจกฟรี ๆ ให้คนละ ๑ องค์ จึงมีคนหัวดี (ในด้านเลว) เวียนเทียนเข้ามารับ ขนาด
หลวงประธานถ่องวิจัย เอาปูนป้ายเสื้อทำเครื่องหมายไว้ มันออกไปกลับเสื้อแล้วเข้ามารับใหม่จนได้ (คนจะโกงซะอย่าง จับไม่ได้ไล่ไม่ทันหรอก)
หมดพระไป ๔๔๐ ปีบ ที่เหลือบรรจุเอาไว้ในเจดีย์...วันหนึ่ง...หลวงพ่อเล่าว่า หลวงปู่ปานมาบอกว่า
ผู้ที่ได้พระเครื่องของท่านไป ไม่ว่าจะจริงหรือปลอมก็ตาม ถ้านึกถึงท่านมีอานุภาพเท่ากันหมด อาตมานึกอยากได้พระของท่าน จึงอธิษฐานขอเอาดื้อ ๆ และได้พิมพ์ขี่ไก่หางพวงมา ๑ องค์ (โดนมือดีงาบไปแล้ว...)
การแขวนพระเครื่องไว้กับคอ ให้หมั่นนึกถึงท่าน จิตใจจะเกาะอยู่แต่ในด้านกุศล ฉวยพลาดพลั้งอะไรไป พระท่านช่วยไม่ได้จริง ๆ เราก็ยังไม่ลงอบายภูมิละน่า...ถ้ารอดนรกได้ซะอย่าง เรื่องอื่นว่ากันทีหลัง ถ้าไม่นึกก็ไม่มีใครช่วยได้เน้อ...
๒๒ มีนาคม ๒๕๓๓
พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ปัจจุบันนี้อาตมามีพระหลวงปู่ปานทั้งพิมพ์ขี่ไก่ และพิมพ์ขี่ครุฑ รวม ๔ องค์
๘ กรกฎาคม ๔๙
พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ