ตัวอย่างเช่นในอรรถกถา มหาสติปัฏฐานสูตร กล่าวถึงภิกษุรูปหนึ่งเจริญสมาธิภาวนาจนกระทั่งได้อภิญญาสมาบัติ กำลังใจทรงตัวตั้งมั่น รัก โลภ โกรธ หลง ไม่สามารถกำเริบได้ชั่วคราว ก็เกิดความหลงผิดพยากรณ์ว่า ตนเองเป็นพระอรหันต์แล้ว
เมื่อเป็นดังนั้นท่านผู้เป็นพระอรหันต์ที่แท้จริง เกรงว่าท่านจะสูญจากความดี จึงมาออกอุบายว่า “อาวุโส...เธอจงใช้อำนาจอภิญญาของเธอ บันดาลให้เกิดเป็นช้างตัวกลั่นที่ตกมันกล้า วิ่งเข้ามาหาพวกเราดูทีฤๅ” ภิกษุผู้พยากรณ์ว่าตนเองเป็นพระอรหันต์ ก็สามารถที่จะเนรมิตช้างตัวมหึมาที่กำลังตกมัน วิ่งแผดเสียงชูงวงเข้าใส่ ปรากฏว่า ทันทีที่เห็นภาพนั้น ความกลัวที่นอนนิ่งอยู่ในใจของท่านก็กำเริบขึ้นมา ถึงขนาดต้องวิ่งหนีจากที่นั้น ทั้ง ๆ ที่เป็นภาพที่เกิดจากอำนาจอภิญญาของตนเองบันดาลขึ้น
พระภิกษุผู้เป็นอรหันต์จึงได้ทำลายเสียซึ่งมายาภาพนั้น แล้วก็กล่าวเตือนสติว่า “ดูก่อน..อาวุโส บัดนี้เธอเห็นแล้วหรือไม่ว่า กิเลสทั้งหลายยังนอนเนื่องอยู่ในจิตใจของเธอเป็นปกติ เพียงแต่โดนอำนาจสมาธิกดนิ่งลงชั่วคราวเท่านั้น เธอจงอย่าปฏิญาณตนว่าเป็นพระอรหันต์อีกเลย ขอให้เร่งกำจัดกิเลสในใจให้หมดเสียเถิด” พระภิกษุผู้เคยปฏิญาณตนเป็นพระอรหันต์ เมื่อทราบว่าตัวเองยังกลัวตายอยู่ ยังกลัวภัยอยู่ แสดงว่าไม่ใช่พระอรหันต์อย่างแน่นอน ก็รีบใช้กำลังใจของตนเองชำระจิตใจให้ผ่องใสจากกิเลส ในที่สุดก็สามารถปล่อยวางสภาพที่ห่วงใยในขันธ์ ๕ ร่างกายนี้ลงได้ จึงกลายเป็นพระอรหันต์อย่างแท้จริง
ดังนั้น..เราทั้งหลายเมื่อเห็นบุคคลภายนอก ทำการชำระล้างอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ ที่เกิดจากสภาพน้ำท่วมให้สะอาด หรือว่า ดูตัวอย่างหลวงพ่อพระราชวชิรโมลี ที่ท่านสามารถโยงการทำความสะอาดภายนอก เข้าสู่การทำความสะอาดภายในได้ก็ดี ก็ขอให้ทุกคนเร่งปฏิบัติในศีล สมาธิ ปัญญาของตน ซึ่งในระดับนี้นั้นสำคัญอยู่ตรงสมาธิภาวนา
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 13-12-2011 เมื่อ 19:10
|