พระอาจารย์กล่าวว่า "คนที่เป็นพ่อแม่จะสบายใจได้ ก็ต่อเมื่อลูกมีวุฒิภาวะเพียงพอ รู้จักกาลเทศะ รู้จักระงับอารมณ์ตนเอง รู้ว่าอะไรควรไม่ควร
เราจะไม่รู้หรอกว่าคนที่เป็นพ่อแม่รักลูกมากแค่ไหน ? จนกว่าจะมีลูกเอง แบบพระเจ้าอชาตศัตรู ท่านจับพ่อก็คือ พระเจ้าพิมพิสารขังเอาไว้ในคุก ตั้งใจจะขังให้ตาย เพื่อเอาราชสมบัติ
พระมเหสีแม่ของพระเจ้าอชาตศัตรูเข้าไปเยี่ยมพระเจ้าพิมพิสาร โดยเอาอาหารซ่อนไว้ในผ้าห่ม พระเจ้าพิมพิสารได้เสวยอาหารที่พระนางซ่อนมาจึงมีชีวิตรอด พอพระเจ้าอชาตศัตรูเห็นว่าหนึ่งอาทิตย์แล้วพ่อยังไม่เป็นอะไร ก็ไปสอบถามผู้คุม จึงทราบว่าแม่ของตนแอบซุกอาหารเข้ามา ครั้งต่อไปพระเจ้าอชาตศัตรูจึงสั่งให้ผู้คุมค้นตัว อย่าให้มีอาหารเข้าไป
พระมเหสีจึงเปลี่ยนแผนใหม่ เอาพวกข้าว ถั่ว งา ตำจนละเอียดเป็นผง และทาตัวเข้าไป พระเจ้าพิมพิสารก็ได้อาศัยของเหล่านั้นเป็นอาหาร พระเจ้าอชาตศัตรูสอบถามผู้คุมจึงทราบว่าเป็นฝีมือแม่ของตนอีก พระเจ้าอชาตศัตรูจึงสั่งห้ามเยี่ยม
เมื่อพระเจ้าพิมพิสารไม่มีอาหารจึงใช้วิธีเดินจงกรม สำหรับคุกที่ขังพระเจ้าพิมพิสารนั้นมีช่องเล็กอยู่ช่องหนึ่ง สามารถมองไปทางเขาคิชฌกูฏได้ ท่านก็มองไปทางด้านนั้นว่าเป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้า ตั้งใจน้อมจิตระลึกถึงด้วยความเคารพและเดินจงกรมภาวนา อยู่ด้วยธรรมปีติ จึงมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
พระเจ้าอชาตศัตรูไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงสั่งช่างตัดผมให้เอามีดโกนไปกรีดฝ่าเท้าพระเจ้าพิมพิสาร จะได้เดินไม่ได้ พอกรีดฝ่าเท้าไม่สามารถเดินจงกรมได้ และบาดแผลอักเสบ พระเจ้าพิมพิสารก็ต้องนอนจมอยู่กับที่
ผ่านไปหลายวัน พระเจ้าอชาตศัตรูกำลังออกว่าการที่ท้องพระโรงอยู่ ทหารมารายงานว่าพระมเหสีของพระองค์คลอดแล้ว ทันทีที่รู้สึกว่าตัวเองมีลูก จึงเกิดความรู้สึกรักใจจะขาด ใจก็เลยนึกถึงว่า พ่อเราก็คงรักเราแบบนี้ จึงรีบเสด็จไปที่คุก ตั้งใจจะปล่อยพ่อออกมา ปรากฏว่าพ่อตายไปเสียก่อน พระเจ้าอชาตศัตรูจึงเกิดโทษอนันตริยกรรมเพราะฆ่าพ่อ"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-07-2011 เมื่อ 13:44
|