ตอนแรกก็ว่าเขาคุยกันรู้เรื่องแล้ว อย่างน้อย ๆ กลับไปทุกอย่างน่าจะดีขึ้น ที่ไหนได้เขาหันมาบอกว่า "จะเอาลูกไปบวชเณร" เดี๋ยวพ่อแม่ก็ได้ดิ้นตายเท่านั้นเอง..!
แม่เขาบอกว่า “อยู่เมืองไทย หลานไม่ยอมพูดภาษาไทย พอบอกลูกให้สอนหลาน ลูกก็มากรี๊ดใส่แม่ว่า จะไปห่วงไปใยอะไรนักหนา เดี๋ยวก็ตายจากกันไปแล้ว” ที่เขาพูดมานั่นใช่ทั้งนั้นเลย เพียงแต่ว่าใช้กระบวนท่าผิดจังหวะเท่านั้นเอง เขาเรียกว่าไม่มีกาลัญญุตา ไม่รู้ว่ากาละ เวลา สถานที่ไหนที่เหมาะสม เห็นว่าสิ่งนี้ดีก็พุ่งไปสุดตัวเลย ไม่มียั้ง คนอื่นเขาจึงรับไม่ได้
ถาม : เขาบอกว่าตัดแม่แล้วหรือคะ ?
ตอบ : เขาบอกว่าตัดพ่อตัดแม่ได้มา ๒ ปีแล้ว แม่โกรธ พูดขึ้นมาประโยคไหน แม่เขาจะต้องเอ่ยคำนี้ขึ้นมา “อุตส่าห์เลี้ยงมันมาขนาดนี้ มันบอกว่ามันตัดแม่มา ๒ ปีแล้ว ถึงเวลาเราหวังดีปรารถนาดี มันทำกิจการอะไรเราก็อุตส่าห์หาเงินหาทองไปให้มัน มันดันบอกว่าตัดแม่ได้แล้ว” นึก ๆ แล้วก็ขำดี
ถาม : หนูว่าที่เขาพูดมานั้นใช่ค่ะ ?
ตอบ : ใช่ทั้งหมด แต่เขาใช้ผิดจังหวะ เสียเวลาอธิบายให้เขาฟังเป็นชั่วโมง ก่อนจะกลับหลวงปู่วัดท่าทุ่งนาว่าอย่างไรรู้ไหม ? “สมกับที่หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่าเป็นผู้มีปัญญามาก” อาตมาก็บอก “ไม่ใช่หรอกครับหลวงพ่อ ผมแค่เคยผ่านมาก่อน คนอื่นเขาเดินตามรอยมา ผมบอกเขาได้อยู่แล้วครับ”
หลวงปู่ท่านอายุตั้ง ๘๐ กว่าปีแล้ว ท่านไม่มีแรงไปรบกับเขาหรอก กว่าจะอธิบายให้เข้าใจทั้งแม่ทั้งลูก หลวงปู่ก็เป็นลมพอดี
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 26-06-2013 เมื่อ 13:34
|