ดูแบบคำตอบเดียว
  #578  
เก่า 15-08-2020, 11:41
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

หยุดเทศน์ยาวด้วยโรคหัวใจ

องค์ท่านกล่าวถึงวันที่เริ่มต้นเป็นโรคหัวใจ จนต้องยุติการแสดงธรรมนานหลายปี ดังนี้
“... ระยะ ๒๕๐๔ – ๒๕๐๕ เทศน์กรรมฐานล้วน ๆ พวกพระจะได้ฟังเทศน์เรา กัณฑ์มีตั้งแต่นั้นละ ฟังไม่มีใครมายุ่ง มีแต่เทศน์สอนพระร้อยเปอร์เซ็นต์พุ่ง ๆ เทศน์แต่สมาธิ – ปัญญา อย่างเดียวมันคล่องตัว.. พุ่ง


จากนั้นมาปี ๒๕๐๖ ทรุดใหญ่ โรคหัวใจกำเริบ จากนั้นมาเรื่องก็ไม่เป็นท่า ตะเกียกตะกายเทศน์ หยุดมา ๓ หรือ ๔ ปี.. ไม่เทศน์เลย แม้แต่แขกก็รับไม่ได้นะ อย่าว่าแต่ไม่เทศน์เลย รับแขกก็รับไม่ได้

เริ่มเป็นวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๐๖ เป็นตอนกำลังเทศน์ในงานเผาศพท่านอาจารย์กงมา จิรปุญโญ เจ้าอาวาสวัดดอยธรรมเจดีย์ วันนั้นคนเป็นหมื่น ๆ พระเป็นพัน ๆ

คือตามธรรมดา ๆ เทศน์ธรรมดา ๆ มันก็ไม่เร็วน่ะ เป็นธรรมดาไป ถ้าเทศน์ทั่ว ๆ ไปนี้มันก็เป็นธรรมดาทั่ว ๆ ไป ไม่ค่อยเร่งไม่ค่อยเร็วล่ะ...

เราก็เทศน์มุ่งไปทางพระเรามาก เพราะฉะนั้น มันถึงเผ็ดร้อน ธรรมะมันก็ผึง ๆ ๆ เลย... พอเทศน์ถึงขั้นสมาธิ .. เรื่องสมาธิเรื่องปัญญานี้เร็ว เริ่มต้นสมาธิก็เริ่มเร็วขึ้น แล้ว.. ขั้นของสมาธิกี่ขั้นกี่ภูมิไปตามความละเอียดของสมาธิ ก็เร็วไปเรื่อย ๆ และยิ่งเข้าขั้นปัญญาและปัญญาอัตโนมัติด้วยแล้วยิ่งไปใหญ่เลย.. หมุนติ้ว ๆ เวลามันเป็นอย่างนั้นมันหมุนสิ นี่เราไม่เคยเป็น.. มันอะไรพูดไม่ถูกนะ เหมือนกับเราจะสลบบนธรรมมาสน์ กึ๊กเดียวเลย กึ๊กเดียวเท่านั้น โห.. เราก็ไม่เคยเป็น หยุดกึ๊กเลยเชียว ‘ทำไมเป็นอย่างนี้’

แต่สติรู้ตลอดเวลาจนกระทั่งรู้สึก รู้สึกชัดเจนว่า
‘อ๋อ ! นี่แหละ ที่เขาเรียกว่าเป็นโรคหัวใจ เป็นอย่างนี้ อย่างนี้เอง’


คือมันตัวสั่นหมด.. มันจะสลบในเวลานั้น เลยหยุด ถ้าธรรมดาแล้ว..ดีไม่ดี..ตาย แต่นี้มันก็ไม่เป็นไร จิตใจไม่มีอะไร มันเป็นอะไรก็ดูตามธาตุขันธ์ พอมันค่อยคลี่คลายออกมา ๆ นี้ .. พอค่อยเบาเรื่องภายในนี่แล้วออกมาทางส่วนร่างกายนี้ ตัวมันสั่นหมด เอวังก็ไม่มี อะไรก็ไม่มี พอลงจากธรรมมาสน์ได้ก็ลงจากธรรมมาสน์เลย กราบมับ ๆ หนีเลย คนก็มืดแปดทิศแปดด้านเลย ไม่ทราบว่าเราลงธรรมมาสน์เมื่อใด เราไม่ได้เกี่ยกับใครนี่ ลงธรรมมาสน์แล้วไปเลย คนจะตาย จะอยู่ได้ยังไง

ตั้งแต่บัดนั้นมาก็รู้ว่า ‘อ๋อ ! โรคหัวใจมันเป็นอย่างนี้ ๆ รู้มาโดยลำดับ ๆ’ ...

นั่นละ..เทศน์กำลังเร่งเต็มเหนี่ยว ๆ หยุดกึ๊กเลย โรคหัวใจมันกระตุกเอาอย่างแรง ขั้นจะสลบไสล ตั้งแต่นั้นมาไม่ได้เทศน์เลย หยุดเลยต้อนรับแขกคน พูดอะไรกับใครไม่ได้ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๖ – ๒๕๑๒ มา เล่นกับแขกคนอะไรไม่ได้เลย...

จากนั้นปี ๒๕๑๔ – ๒๕๑๕ เริ่มพูดได้บ้างเล็กน้อย ทั้งพูดทั้งระวัง แล้วปี ๒๕๑๘ – ๒๕๑๙ เริ่มเทศน์สอนคุณเพาพงา (ป่วยเป็นมะเร็ง ขอมาปฏิบัติธรรมเตรียมตัวตาย ที่วัดป่าบ้านตาด) ... เทศน์ไม่ได้มากก็เริ่มเทศน์ เทศน์ได้พอธรรมดา ๆ เร่งไม่ได้ มันกระเทือน ต่อมามันก็กำเริบอีกในปี ๒๕๒๘ – ๒๕๒๙ ก็รุนแรงเหมือนกัน หมอเขาห้ามรับแขก จึงหลบหนีไปอยู่ทางพัทยา ... ในสวนลึก ๆ อันนั้นก็บังคับเลย เรียกว่าไม่รับแขกทั้งนั้น คนมาจังหันมากเรื่องมาก ทางกรุงเทพฯ ก็ไป ทางที่ไหนสามย่าน ตอนเช้าเต็มไปทุกวัน ๆ นั่นแหละ

แต่เรามีข้อบังคับเอาไว้ เราจะรับได้เฉพาะตอนเช้านี้ เพราะไม่ใช่เป็นเวลาพูดเทศนาว่าการ พอขบฉันเสร็จแล้วให้เลิกไปเลย ทำอย่างนั้นนานนะ ทีละอาทิตย์กว่า ๆ เกือบสองอาทิตย์ก็มี ไปพักสองหนสามหน .. จากนั้นค่อยเบามาเรื่อย ๆ แล้วค่อยเทศน์ มาทุกวันนี้เบาโรคหัวใจแทบไม่มี..ถ้าธรรมดานะ แต่ธาตุขันธ์นี้มันก็บวกกันเข้า มันก็อ่อนด้วยธาตุด้วยขันธ์
‘เทศน์ทุกวันนี้ก็เทศน์ไปอย่างนั้น ถ้าเทศน์รุนแรงก็ไม่ได้ มันไปกระเทือนตรงนั้น ให้หายมันไม่หาย เป็นแต่เพียงมันสงบเท่านั้นเอง’ ...”

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2020 เมื่อ 14:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 10 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
พี่เสือ (22-08-2020), ภาวนามัย (25-04-2024), สุธรรม (15-08-2020)