ดูแบบคำตอบเดียว
  #164  
เก่า 01-01-2018, 19:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,069
ได้รับอนุโมทนา 4,399,753 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ข้อ ๖.จะศึกษาพุทธศาสนาได้ที่ไหน ?
ให้ศึกษาในร่างกายนี้ ที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ และมิใช่จะต้องศึกษากับพระ และในวัดวาอารามเท่านั้น จึงศึกษาตนเอง อย่ามัวศึกษานอกตัว หรือมัวติดอยู่แค่พิธีกรรม หรือได้แต่ทำตาม ๆ เขาไป จะเสียทีที่ได้มีโอกาสเกิดมาพบพระพุทธศาสนา ได้ลิ้มรสแค่เปลือกกระพี้ มิได้ชิมรสอันเป็นเนื้อใน อันได้แก่ธรรมรสของความเย็นอกเย็นใจ (นิพพาน)

ตอบ : ศึกษาในศีล สมาธิ ปัญญา ทั้งปริยัติและปฏิบัติ จนเกิดปฏิเวธ

ถาม : ข้อ ๗. เหตุแห่งทุกข์และการดับทุกข์
เหตุ เกิดจากอุปทาน คือ การเข้าไปยึดถือว่า นี่คือ ตัวตนของเรา นี่ของ ๆ เรา
การดับ โดยละอุปทานเสีย (โดยพยายามปฏิบัติให้ “เห็นอนัตตา”) เถิด จะโดยบังคับจิตเป็นสมาธิ (เจโตวิมุตติ) หรือโดยพิจารณาธรรมด้วยปัญญา (ปัญญาวิมุตติ) ก็ได้

ตอบ : ตัณหา (ความอยาก) เป็นเหตุ จึงเกิดอุปาทาน (ความยึดมั่นถือมั่น)

ถาม : ข้อ ๘. พุทธพจน์ “ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา”
คำว่า “เห็นธรรม” คือ เห็นปฏิจจสมุปบาท คือ วงจรที่ทุกข์เกิด และดับ โดยเริ่มต้นจากอวิชชา จนเกิดทุกข์

ตอบ : เห็นธรรมที่เข้าสู่มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ ไม่ใช่ปฏิจจสมุปบาทอย่างเดียว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2018 เมื่อ 14:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 116 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา