ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 30-09-2009, 09:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,677 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..จึงขอให้ทุกคนทบทวนตัวเองว่า ปัจจุบันนี้ตัวเราปฏิบัติอะไร เพื่ออะไร ตอนนี้ยังมุ่งไปตรงทิศตรงทางของตัวเองหรือไม่ โดยเฉพาะหลายต่อหลายท่านด้วยกัน พอปฏิบัติไปแล้วความเป็นทิพย์เกิดขึ้นสามารถรู้เห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ กลายเป็นว่าท่านที่เป็นพระโพธิสัตว์ แทนที่จะมุ่งลัดตัดตรงเพื่อจะเสริมสร้างบารมีของตนให้เต็มโดยเร็ว จะได้ขนถ่ายสัตว์โลกข้ามวัฎฏสงสาร ก็ต้องไปติดอยู่กับเรื่องรุงรังไม่เป็นเรื่องสารพัด ตามที่ตนเองรู้ขึ้นมาแล้วไม่สามารถที่จะปล่อยได้วางได้

ส่วนท่านทั้งหลายที่เป็นสาวกภูมิ หรือเป็นผู้ปรารถนาพระนิพพานในชาตินี้ ก็ไปเจอภาระหน้าที่ต่าง ๆ ที่เขาหลอกให้เราคิดว่าใช่ แล้วก็ไปติดไปเกาะ ไปทำภาระหน้าที่นั้น โดยเฉพาะมีอยู่จุดหนึ่งก็คือ ญาณเครื่องรู้เกิดขึ้น เป็นการเกิดขึ้นในลักษณะที่ตนเองพิจารณาธรรมแล้วแตกฉาน สามารถที่จะพิจารณาละเอียดลออมากขึ้น ๆ ทุกที เป็นในส่วนของธรรมะที่อธิบายเป็นภาษาหนังสือหรือภาษาคนได้ยาก แล้วก็ปลื้มปีติใจภูมิใจว่า สภาวะธรรมเกิดกับเราแล้ว โดยที่ไม่ได้พิจารณาเลยว่ามันหลอกเราเหมือนกับหลอกเราว่ายน้ำออกทะเลแล้วหาฝั่งไม่เจอ สิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่รู้นั้นได้ช่วยในการตัดกิเลสหรือไม่ ทำให้รักโลภโกรธหลงของเราลดลงหรือไม่ หรือว่าสักแต่ว่ารู้ รู้ รู้กว้างออกไปทุกที ๆ แต่ว่าใช้ประโยชน์อะไรมากกว่านั้นไม่ได้เลย สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ขอให้ทุกคนระมัดระวัง

ดังนั้น..การปฏิบัติที่สำคัญที่สุดก็คือ ทรงสมาธิแล้วให้อาศัยศีล ๕ เป็นกรอบ ถ้าอยู่ในกรอบของศีล ๕ ถึงหลงทางก็ไปไม่ไกล โดยเฉพาะให้จับภาพพระพุทธเจ้าไว้ให้เป็นปกติ กำหนดใจไว้เสมอว่าพระองค์ท่านอยู่เฉพาะที่นิพพานเท่านั้น เราเห็นท่านคือเราอยู่กับท่าน เราอยู่กับท่านคือเราอยู่กับพระนิพพาน ถ้าเอาใจจดจ่ออยู่กับพระองค์ท่านที่พระนิพพานได้จะเป็นการตัดกิเลสโดยอัตโนมัติไม่ต้องเสียเวลาพิจารณา ทรงอารมณ์ได้อยู่กับท่านได้มากเท่าไหร่ นานเท่าไหร่ก็แปลว่าเราทรงอารมณ์ในการตัดกิเลสได้มากเท่านั้น ได้นานเท่านั้น ในเมื่อมีของง่ายให้ทำอย่าทำของยาก

ถ้าหากรู้ว่าตัวเองยังต้องพึ่งคนอื่นอยู่ก็พยายามยืนหยัดให้ได้ ถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นคนท้อง่าย ถอยง่ายก็ให้ดูอย่างสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตลอดระยะเวลาการเวียนว่ายตายเกิดอันยาวนานพระองค์ท่านไม่เคยท้อถอยในการทำความดีเลย เราเป็นลูกของท่าน เป็นทหารในกองทัพธรรม ต้องมีกำลังใจในการมุ่งมั่นฟันฝ่าต่อสู้อุปสรรค ต่อสู้กับกิเลส ต่อสู้เพื่อให้ผลของการปฏิบัติของเราก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป สำหรับเดือนนี้ก็ขอตักเตือนกันไว้แค่นี้

ให้ทุกคนกำหนดภาพพระพร้อมกับลมหายใจและคำภาวนาของเรา ถ้ายังมีลมหายใจ ยังมีคำภาวนาอยู่ ก็ให้กำหนดรู้ลม รู้คำภาวนาไปด้วย ถ้าลมหายใจหมดไป คำภาวนาหายไป กำหนดจับภาพพระไว้เฉย ๆ ตั้งใจว่าถ้าตายตอนนี้ขอมาอยู่กับพระพุทธเจ้าบนพระนิพพาน ให้ทุกคนตั้งกำลังใจเอาไว้อย่างนี้จนกว่าจะหมดเวลาในการปฏิบัติ

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันจันทร์ที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๒
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 30-09-2009 เมื่อ 14:40
สมาชิก 64 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา