ชื่อกระทู้: สิ้นโลก เหลือธรรม
ดูแบบคำตอบเดียว
  #199  
เก่า 01-08-2011, 11:54
สายท่าขนุน สายท่าขนุน is offline
สมาชิก VIP - ผู้ได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 759
ได้ให้อนุโมทนา: 160,001
ได้รับอนุโมทนา 133,135 ครั้ง ใน 5,305 โพสต์
สายท่าขนุน is on a distinguished road
Post

การพิจารณากาย-เวทนา-จิต-ธรรม ให้เห็นเป็นสักแต่ว่านั้นไม่ใช่ของง่าย เพราะมันเป็นการลบสมมติบัญญัติของเดิมทั้งหมด
ที่เห็นเป็นสักแต่ว่านั้นมันเป็นบัญญัติสมมติใหม่ซึ่งเกิดจากสติปัฏฐาน
ถ้าผู้ปฏิบัติพิจารณาได้อย่างนี้มันก็จะละการถือตน ถือตัว ถือเรา ถือเขา ให้หมดสิ้นไปจากใจได้นี้เป็นเบื้องต้นของสติปัฏฐานดังกล่าวแล้ว

ที่พากันไปเรียนมาจากประเทศพม่านั้นได้ความเข้าใจอย่างนี้หรือไม่ ถ้าไม่ได้มันก็เป็นเพียงอนุมานกรรมฐานธรรมดา ๆ เท่านั้นเอง คือยุบหนอ-พองหนอ กำหนดลมหายใจเข้าออก
กายก็เห็นเป็นเพียงอาการก้าวไปคือขาของเรานั่นเอง ก้าวไปก็คงรู้เห็นเป็นเพียงแค่นั้น มันไม่เข้าถึงสติปัฏฐานดังที่สามเณรน้อยเรียนนักธรรมท่องบ่นจดจำมาจากตำรา
สติปัฏฐานทั้งสี่นี้ถ้าผู้ภาวนาไม่ถึงอัปปนาสมาธิแล้ว จะพิจารณาอย่างไร ๆ ก็ไม่เป็นสติปัฏฐานอยู่นั่นเอง ถึงจะไปเรียนมาจากประเทศพม่าก็ตามเถิด เท่านั้นแหละ

สติปัฏฐานภาวนาพระพุทธองค์สอนไม่ให้ไปเรียนที่อื่น ให้เราเอาที่กาย-เวทนา-จิต-ธรรม นี้เอง
เมื่อจะเกิดความรู้ความเข้าใจ ก็รู้ที่กาย-เวทนา-จิต-ธรรม นี้แหละ
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน
ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว...
กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน

อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ
กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายท่าขนุน : 13-08-2011 เมื่อ 20:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา