ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 25-08-2016, 08:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในส่วนที่ว่ามานี้ ถ้าเราเปรียบกับพระนิพพานก็คือเราต้องเกาะเสียก่อน จนกระทั่งกำลังใจเต็มก็จะปล่อยเองโดยอัตโนมัติ ในเมื่อเราปล่อยแล้วเราจะเข้าถึงพระนิพพานอย่างไร ? เราปล่อยเมื่อไร สภาพจิตของเราไม่ยึดเกาะสิ่งหนึ่งสิ่งใด สภาพของการล่วงพ้นจากกิเลสจะปรากฏชัดขึ้นในจิตในใจของเรา เต็มอยู่ในจิตในใจของเรา เราจะรู้ตัวทันทีว่าถ้าเราตายตอนนี้คือไปพระนิพพานตอนนี้ พระนิพพานไม่ได้อยู่ที่ไหนไกลเลย อยู่ภายในจิตในใจของเรานี่เอง เพียงแต่เป็นจิตใจที่ปล่อยวางจาก รัก โลภ โกรธ หลง ไม่มีการปรุงแต่งให้สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เกิดขึ้นได้อีก

ดังนั้น...พวกเราทุกคนก็ควรจะยึดหลักที่ว่า เอาศีล สมาธิ ปัญญาเป็นบันได เพื่อให้เราก้าวล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน

ลำดับต่อไปก็ให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันอาทิตย์ที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๙

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย รัตนาวุธ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-08-2016 เมื่อ 14:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 49 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา