ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 25-06-2016, 11:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,490
ได้ให้อนุโมทนา: 151,149
ได้รับอนุโมทนา 4,405,390 ครั้ง ใน 34,079 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๙

ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดความรู้สึกไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ในเรื่องของการปฏิบัติกรรมฐานของเรานั้น อานาปานสติเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ อานาปานสติก็คือ อานะ และ อาปานะ คือลมหายใจเข้าและลมหายใจออก เพราะเป็นกรรมฐานที่สามารถสร้างสมาธิให้เกิด เราจะได้มีการระงับยับยั้งชั่งใจตนเองไม่ให้ไหลไปตามกระแสกิเลส ถ้าหากว่ามีกำลังที่เข้มแข็งขึ้น ก็สามารถที่จะทวนกระแส และท้ายที่สุด ถ้าหากว่ามีปัญญาเพียงพอ ก็จะสามารถตัดกระแสหรือข้ามกระแสไปได้ และก้าวเข้าสู่ความเป็นคนเหนือโลก ก็คือสภาพจิตก้าวเข้าสู่โลกุตรภูมิตั้งแต่โสดาปฏิมรรค ขึ้นไป

หลังจากที่จับลมหายใจเข้าออกของเราจนสมาธิเริ่มทรงตัว ถ้าหากว่าทำต่อไปไม่เป็น บางท่านก็อาจจะเผลอหลุดจากลมหายใจเข้าออกและกลับมาฟุ้งซ่านใหม่ หรือว่าเผลอสติแล้วหลับไป

ดังนั้น ถ้าหากว่าลมหายใจเริ่มทรงตัวแล้ว ให้เรากำหนดภาพพระขึ้นมาองค์หนึ่ง เป็นพระพุทธรูปที่เรารักเราชอบมากที่สุด จะเป็นพระวิสุทธิเทพก็ได้ เป็นสมเด็จองค์ปฐมก็ได้ หรือว่าจะเป็นพระพุทธรูปสำคัญ เช่น พระแก้วมรกต พระพุทธชินราช หลวงพ่อโสธรก็ได้ ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายมีวัตถุมงคลที่เป็นรูปพระพุทธติดตัวอยู่ มีความชอบใจเป็นปกติ จะจับภาพนั้นก็ได้ โดยกำหนดภาพพระให้ไหลตามลมหายใจเข้าไป ไหลตามลมหายใจออกมา หรือว่าจะกำหนดภาพพระให้นิ่งอยู่เหนือศีรษะ หายใจเข้าภาพพระสว่างขึ้น หายใจออกภาพพระสว่างขึ้นก็ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2016 เมื่อ 20:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 47 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา