ถาม : จริง ๆ แล้วการที่เราละกิเลสได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ คือกิเลสไม่เกิดขึ้นเลย หรือกิเลสเกิดขึ้นไม่ได้เพราะเราเข้าใจทุกอย่างแล้ว จึงไม่เกิด ?
ตอบ : จิตเราไม่ไปข้องแวะ ในเมื่อจิตไม่ไปข้องแวะ โอกาสที่กิเลสจะเกิดก็ไม่มี ท่านทั้งหลายเหล่านี้เมื่อทำไปจนถึงจุดนั้นแล้ว ความว่องไวของ สติ สมาธิ ปัญญา จะมีมากกว่ากิเลส ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ท่านจะเห็นว่าการนึกคิดปรุงแต่งลักษณะไหนเป็นคุณ การนึกคิดปรุงแต่งลักษณะไหนเป็นโทษ แล้วก็ละเว้นในสิ่งที่เป็นโทษเสีย ในเมื่อเราไม่ไปสร้างเหตุที่ไม่ดี ผลกรรมก็ไม่เกิด ก็เท่ากับว่าในสายตาของท่านคือกิเลสไม่มี แต่ถ้าพูดกันจริง ๆ แล้วก็คือว่า กิเลสนั้นยังมีอยู่ แต่ว่าท่านไม่ไปยุ่งด้วย กิเลสก็เลยทำอะไรท่านไม่ได้ เหมือนกับมีฟืน มีถ่าน มีน้ำมัน แต่ไม่มีเชื้อไฟ แล้วเปลวไฟที่ไหนจะมาติดได้
ถาม : อย่างนี้หลายคนที่สั่งสมบุญ... ?
ตอบ : ของท่านอยู่ในระดับน้ำเต็มแก้วแล้ว สิ่งที่ท่านทำไปไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร นอกจากเติมไปแล้วก็ล้นเปล่า ๆ แต่ส่วนที่ท่านทำนั้นคือเป็นเนติ คือเป็นแบบอย่างให้ผู้คนเขาได้เห็นว่า สิ่งนี้เป็นความดี ถึงเวลาจะได้ยึดถือและปฏิบัติตามเพื่อความพ้นทุกข์ของตนเอง ท่านจึงยังคงทำบุญกุศลเป็นปกติ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 07-02-2016 เมื่อ 16:55
|