ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 10-12-2023, 00:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,688
ได้ให้อนุโมทนา: 152,000
ได้รับอนุโมทนา 4,417,801 ครั้ง ใน 34,278 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การที่เราท่านทั้งหลายบวชเข้ามา เพื่อถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ท่านทั้งหลายจะถวายของแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ต้องเป็นของที่ดีที่สุดที่เราจะหาได้

ดังนั้น..ท่านทั้งหลายจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรักษา กาย วาจา และใจ ของตนเองให้ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ ถ้าหากว่าอยู่ต่อไปได้ ท่านก็จะเป็นกำลังใหญ่ในพระพุทธศาสนา แต่ถ้าหากว่าสึกหาลาเพศไป ต้นทุนบุญกุศลส่วนนี้ ก็จะช่วยให้การดำเนินชีวิตของท่านมีความคล่องตัวกว่าบุคคลอื่นเขา

เมื่อรับปัจจัยไทยธรรมที่ทางเจ้าภาพถวายให้แก่พระวิทยากร ตลอดจนกระทั่งคณะญาติโยมที่มาดักรอทำบุญแล้ว กระผม/อาตมภาพก็มอบทั้งเงินทองและสิ่งของทั้งหมดให้กับพระครูเทพ เพื่อเอาไว้ใช้ประโยชน์ในงานอุปสมบทหมู่ครั้งนี้ แล้วฉันเพลร่วมกัน โดยมีเพื่อนฝูงอีกรูปหนึ่ง ก็คือพระครูชนะ (พระครูกาญจนธรรมชัย) เจ้าอาวาสวัดหนองไม้แก่น เพื่อนอาจารย์ของวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ ซึ่งมาร่วมฉันเพลด้วย

เมื่ออิ่มแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ขอตัวเดินทางไปยังวัดหนองขุยสิริวนาราม หมู่ที่ ๔ ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี นำเอาทั้งเงินและทองซึ่งญาติโยมได้ถวายกระผม/อาตมภาพเอาไว้ ไปร่วมเป็นเจ้าภาพหล่อพระประธานประจำพระอุโบสถ ซึ่งพระอธิการไพฑูรย์ ธมฺมโชโต เจ้าอาวาสวัดหนองขุยสิริวนารามนั้น ท่านเป็นลูกศิษย์ เรียนที่วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ นำเอาเพื่อนฝูงทั้งรุ่นมาช่วยงานกันตรงนี้

โดยมีพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ.๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ เป็นประธานในการเททอง กระผม/อาตมภาพทำหน้าที่นั่งปรก คุมธาตุ อธิษฐานจิต และปลุกเสกวัตถุมงคลซึ่งมอบให้แก่ทางผู้ร่วมเป็นเจ้าภาพหล่อพระในวันนี้

เมื่อเสร็จพิธีแล้ว กระผม/อาตมภาพก็กราบลาพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. เพื่อที่จะเดินทางเข้าสู่ที่พักภายในคืนนี้ เนื่องเพราะว่าพรุ่งนี้ยังมีงานหล่อพระอีกแห่งหนึ่ง ทั้งที่ร่างกายซึ่งกรำงานมาตลอดหลายวัน ตลอดจนกระทั่งสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เอาแน่เอานอนไม่ได้ ก็ออกอาการเจ็บไข้ได้ป่วยตามปกติ แต่เนื่องจากว่าภาระหน้าที่ที่รับผิดชอบอยู่ ก็จำเป็นต้องทำให้เต็มที่เท่าที่เราจะทำได้

ครูบาอาจารย์ท่านไม่เคยสอนให้หนีงาน หากแต่ท่านสอนให้เอางานเป็นเครื่องชำระใจของเรา ก็คือแต่ละงานให้เราพิจารณาว่าตัวเรานั้น มีใจฟูหรือว่าฟุบกับสิ่งต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ในงาน ซึ่งเราได้พบได้เห็น ได้สัมผัสหรือไม่ ? ถ้าหากว่ามีการฟูหรือว่าฟุบ ก็ต้องรีบปรับแต่งใจตัวเองใหม่ให้เร็วที่สุด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2023 เมื่อ 01:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา