สอนคนอื่นนั้นสอนได้ แต่สอนตัวเองสอนยากอย่าบอกใคร พระพุทธเจ้ายังกล่าวไว้ว่า อตฺตา หิ กิร ทุทฺทโม ชื่อว่าการฝึกตนนั้นช่างยากจริงหนอ ฝึกตนก็คือสอนตนเองนั่นแหละ ส่วนใหญ่ไม่เชื่อพระ เสือกไปเชื่อกิเลส..!
วันก่อนเด็ก ๆ ที่วัดหนีไปเที่ยวกับแฟน ถ้าเจอเหตุการณ์นั้นให้จำไว้เลยว่า สิ่งแรกที่เราต้องทำเลยไม่ใช่ดุด่าว่ากล่าว แต่ควรจะบอกให้เขารู้ว่าอะไรเป็นเรื่องของอารมณ์ อะไรเป็นเรื่องของเหตุผล คือสังคมยอมรับเฉพาะในเรื่องของเหตุผล ในเรื่องของอารมณ์ต้องดูกระแสสังคมก่อนว่าในช่วงนั้นยอมรับไหม เพราะฉะนั้น...เรื่องความรักระหว่างเด็กหนุ่มเด็กสาวเป็นเรื่องของอารมณ์ล้วน ๆ
เราลองมาคิดดูว่า ถ้าแม่เราเลี้ยงเรามา ๑๕-๑๖ ปี เราเองยังไม่รักเท่ากับไอ้บ้าที่เพิ่งเจอหน้ากัน ๓ วัน แบบนั้นถูกต้องไหม ? ต้องชี้แจงให้เขาฟังได้ แต่ถึงจะชี้แจงแล้วก็ตาม เขาก็ยังไหลตามอารมณ์ไปอีก เพราะฉะนั้น...คนเป็นพ่อเป็นแม่ เป็นครูบาอาจารย์ เป็นผู้ปกครอง ก็เลยต้องปากเปียกปากแฉะ พระพุทธเจ้าท่านใช้คำว่า อนุสาสนี ก็คือจ้ำจี้จ้ำไช ไม่อย่างนั้นก็เป็น โอวาทกถา ก็คือให้โอวาท ธรรมมีกถา สอนธรรม อนุสาสนีกถา จ้ำจี้จ้ำไช ย้ำแล้วย้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีก ตอกหัวตะปูอยู่นั่นแหละ
เพราะบุคคลอย่างน้อยแบ่งเป็น ๔ ประเภท อุคคฏิตัญญู ฟังหัวข้อก็รู้ เข้าใจ ปฏิบัติได้เลย วิปจิตัญญู ต้องขยายเนื้อความหน่อยถึงจะเข้าใจ เนยยะ ต้องจ้ำจี้จ้ำไช ย้ำหัวตะปูอยู่นั่นแหละ ตอกจนกระทั่งคนตอกเหนื่อย บางทียังตอกไม่ค่อยจะลงเลย
เหลือแต่ปทปรมะ พวกนั้นเก่งเกิน สอนไม่ได้ ส่วนใหญ่พวกเราไปเข้าใจว่าปทปรมะเป็นคนโง่ ไม่ใช่โง่ แต่ฉลาดเกินจนไม่ยอมรับความเห็นคนอื่น ทำตัวเป็นน้ำล้นถ้วย พอถึงเวลาเราเทไปก็ล้นหมด รับอะไรไม่ได้ ปทปรมะนี่ถ้าไม่ได้ประโยชน์เฉย ๆ ก็ยังพอทำเนา แต่ถ้ามาคัดค้านหลักธรรมด้วย ก็กลายเป็นสร้างกรรมหนักให้กับตัวเองไปเลย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-02-2016 เมื่อ 20:35
|