ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 22-04-2018, 22:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,175 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าเรารักษาอารมณ์ใจไว้ไม่ได้ ความก้าวหน้าในการปฏิบัติก็จะไม่มี เพราะว่าเริ่มต้นเมื่อไรก็นับหนึ่งทุกที เหมือนกับคนขึ้นบันไดไปแล้วก็ลื่นตกลงมา เดินใหม่เมื่อไรก็เริ่ม ๑ ๒ ๓ แล้วตกลงมาใหม่ เราจึงต้องพยายาม ๑ ๒ ๓ พอได้แล้วก็ ๔ ๕ ๖ ต่อ ได้แล้วก็ ๗ ๘ ๙ ต่อไป ก็คือการที่เราปฏิบัติภาวนาตามระยะเวลาในแต่ละวันอย่างที่ได้บอกกล่าวมา

โดยเฉพาะต้องทบทวนศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ล่วงละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล เมื่ออารมณ์ใจทรงตัวแล้ว ถ้ามีเวลาเหลือไปต่อไม่ได้ ก็ให้คลายอารมณ์ออกมาพิจารณาในวิปัสสนาญาณ ซึ่งก็ไม่ต้องดูอะไรมาก แค่ดูว่าสรรพสิ่งทั้งหลายซึ่งมีตัวเราเป็นต้น มีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงไปในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด ไม่มีอะไรเป็นตัวตนให้ยึดถือมั่นหมายได้

ถ้ารู้เห็นอย่างชัดเจนจริง ๆ กำลังใจเราก็จะถอนออกจากการยึดมั่นถือมั่นในร่างกายของเรา ในเมื่อไม่ยึดมั่นถือมั่นในร่างกายของเราก็ไม่ยึดมั่นถือมั่นในร่างกายคนอื่น ไม่ยึดมั่นถือมั่นในทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ เราก็จะมีโอกาสหลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพาน



ลำดับต่อไปก็ให้ทุกท่านตั้งใจพิจารณาภาวนาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันเสาร์ที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๑

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยคะน้า)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2018 เมื่อ 10:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา