พระอาจารย์กล่าวถึงนักมวยว่า "สมัยก่อนนักมวยต่อยกัน เขาไม่ค่อยสนใจเรื่องน้ำหนักตัว อย่างทองใบ ยนตรกิจ น้ำหนัก ๖๐ กว่ากิโลกรัม
ส่วนผล พระประแดง น้ำหนัก ๕๐ กว่ากิโลกรัม ก็ยังต่อยกันได้ เขาสนใจแค่ว่ามีฝีมือจริงหรือเปล่า ? ถ้ามีฝีมือจริงเขาไม่เกี่ยงหรอกว่าตัวใหญ่กว่าหรือหนักมากกว่า
ใครต่อยกับผล พระประแดง นี่ปวดหัวแน่ อีกรายก็พรหมมินทร์ นวรัตน์ กับรักเร่ ศรีหนุมาน สองคนนี้ก็สุดยอดลวดลาย ถ้าคู่ต่อสู้ไม่รอบตัวจริง โดนตอดนิดตอดหน่อยก็อดโมโหไม่ได้ พอโมโหขึ้นมาก็เสร็จเรียบร้อย เพราะเวลามีโทสะขึ้นมาสมาธิจะเสียหมด โดนอีกฝ่ายหลอกชกหัวทิ่มหัวตำ
อภิเดช ศิษย์หิรัญ มีฉายาว่า "จอมเตะบางนกแขวก" เคยเตะอดุลย์ ศรีโสธร แขนหักมาแล้ว ทั้ง ๆ ที่อดุลย์เป็นถึงแชมเปี้ยนมงกุฎเพชร สมัยนั้นเขามีการแข่งขันกันเป็นรอบ ๆ คราวนี้มงกุฎเพชรรอบนั้นอดุลย์เขาได้แชมป์
สมัยก่อนกว่าครูบาอาจารย์จะปล่อยนักมวยขึ้นเวทีได้ต้องให้แกร่งจริง ๆ สมัยที่อาตมาไปฝึกมวยกับครูเขตร์ ศรียาภัย ท่านบอกว่า สมัยก่อนนักมวยอายุไม่ถึง ๒๕ ปี ครูจะไม่ให้ขึ้นชกหรอก กระดูกยังไม่แข็งพอ สมัยนี้อายุ ๒๕ ปีก็หมดสภาพแล้ว เพราะเขาเล่นต่อยกันตั้งแต่ ๑๑-๑๒ ขวบ
นอกจากนี้ยังมี จรวดทัพฟ้า (ราวี เดชาชัย) ม้าสีหมอก (ประยุทธ์ อุดมศักดิ์) เขาบอกว่าเตะหนักเหมือนม้าดีด แล้วก็มี ยางตัน (ทองใบ ยนตรกิจ) ที่เรียกว่ายางตันเพราะเตะเท่าไรไม่มียุบ โดนเท่าไรก็ดาหน้าเข้าใส่อย่างเดียว"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-12-2011 เมื่อ 10:49
|