ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 16-11-2010, 14:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,530
ได้ให้อนุโมทนา: 151,474
ได้รับอนุโมทนา 4,406,557 ครั้ง ใน 34,120 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ปีติทั้ง ๕ อย่างนี้ อย่างใดอย่างหนึ่งก็ตามจะต้องเกิดกับเรา มีคนจำนวนน้อยจนนับได้ที่ไม่พบกับปีติเลย จิตก้าวข้ามไปเป็นฌานก็มี

ตัวปีติทั้ง ๕ นี้ หากว่าเกิดขึ้น เราอย่าได้อายคนอื่นเขา ปล่อยให้มันเกิดให้เต็มที่ไปทีเดียว ถ้าหากว่าเกิดขึ้นจนเต็มที่แล้ว ก้าวข้ามไปได้ จิตก็จะเริ่มเป็นฌาน

ถ้าเราไปอายแล้วระงับยับยั้งไว้ ถึงเวลาอารมณ์ใจมาถึงจุดนี้เมื่อไรก็จะออกอาการอีก ก็แปลว่าไม่สามารถจะก้าวข้ามได้เสียที จึงมีวิธีเดียวที่จะรับมือกับปีติทั้งหลาย ก็คือ ปล่อยให้ขึ้นให้เต็มที่ไปทีเดียวเลย เมื่อพ้นแล้วก็จะพ้นกันไป

ข้อต่อไปก็คือ สุข เมื่อก้าวพ้นตัวปีติ จิตเริ่มสงบ ไฟใหญ่ที่เป็น รัก โลภ โกรธ หลง ทั้ง ๔ กองซึ่งเผาเราอยู่ จะโดนกำลังสมาธิกดให้ดับลงชั่วคราว จะเกิดความสุขเยือกเย็นอย่างที่บอกไม่ถูก เป็นความสุขที่ไม่เคยพบมาก่อนในโลกมนุษย์นี้

ท่านใดที่ทำถึงตรงนี้แล้ว มักจะติดอกติดใจปฏิบัติอย่างไม่เบื่อไม่หน่าย ขอให้ทุกคนระมัดระวังรักษาเวลาให้ดี ถ้าปฏิบัติแบบหามรุ่งหามค่ำ ไม่กินไม่นอน ร่างกายทนไม่ไหว เดี๋ยวจะแย่

ตัวสุดท้ายคือ เอกัคคตารมณ์ อารมณ์ใจที่ตั้งมั่นเป็นหนึ่งเดียว ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายปฏิบัติไปแล้ว เกิดวิตก คือนึกคิดตรึกอยู่ว่าจะภาวนา วิจารณ์ ลมหายใจแรงหรือเบา ยาวหรือสั้น ภาวนาอย่างไรรู้อยู่ ปีติ เกิดอาการอย่างใดอย่างหนึ่งในห้าอย่างขึ้นมา สุข มีความสุขเยือกเย็นใจอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเกิดขึ้น และเอกัคคตารมณ์ อารมณ์ตั้งมั่นกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกและคำภาวนาต่อไป

ถ้าหากว่าเป็นอย่างนี้ แปลว่าท่านทรงในปฐมฌานแล้ว ถ้าท่านสามารถรักษาอารมณ์เหล่านี้ต่อไป จิตก็จะก้าวเข้าสู่สมาธิที่สูงขึ้น คือ ฌานที่ ๒
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
สมาชิก 68 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา