ดูแบบคำตอบเดียว
  #43  
เก่า 22-10-2012, 21:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,619
ได้ให้อนุโมทนา: 151,818
ได้รับอนุโมทนา 4,413,361 ครั้ง ใน 34,209 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อย่างไรเรียกว่ามีการประมาณในการกิน ?
ตอบ : กินเพื่ออยู่ ถ้าพิจารณาแบบพระ เขาบอกว่า จะไม่กินเพื่อความอ้วนพีของร่างกาย ไม่กินเพื่อความผ่องใสของผิวพรรณ ไม่กินเพื่ออวดร่ำอวดรวย ไม่กินเพื่อยังกิเลสให้เกิดขึ้น ภาษาบาลีเขาว่า นะ มัณฑะนายะ นะ วิภูสะนายะ กินเพื่อประดับ กินเพื่อตกแต่ง

พวกนี้เป็นประเภทกินเพื่ออวดร่ำอวดรวย ไม่ใช่คาร์เวียร์ไม่กิน ไม่ใช่ไวน์อายุร้อยปีไม่กิน ท้ายที่สุดออกมาก็เป็นสิ่งปฏิกูลเหมือนกัน ลองถามท่านกอล์ฟสิ..รายนั้นมักจะมีแนวคิดแปลก ๆ ตอนที่เขาอวดกันว่ากินไวน์ขวดละแสน ท่านกอล์ฟบอกว่า ถ้ากินเข้าไปแล้วควรจะอั้นไว้สัก ๔ - ๕ ชั่วโมง จะได้คุ้มกับราคาหน่อย..!


ถาม : ทำอย่างไรถึงจะรู้ว่าเรากินเพราะต้องกิน หรือกินเพราะติดในรสอาหาร ?
ตอบ : อาตมาเตือนพระเณรไว้ว่า ตักช้อนแรกไปแล้ว ถ้าตักซ้ำช้อนที่สองในอาหารอย่างเดิมนี่ ให้คิดแล้วว่าเรากินเพื่อยังอัตภาพร่างกายนี้ หรือว่ากินเพราะอร่อย ? พูดง่าย ๆ ก็คือ กินให้ร่างกายอยู่ได้ หรือกินเพราะตามใจกิเลส

อย่างอาตมาก็จะตักไล่ไปเรื่อย กว่าจะครบอย่างละช้อนก็แทบตายแล้ว ถ้าไปจ้วงซ้ำสองเมื่อไรต้องนึกแล้วว่ากินตามใจกิเลสหรือเปล่า ? เพราะอาหารอาจจะอร่อยจึงทำให้เราตักเพิ่ม

ถาม : ตอนลดความอ้วน ใช้สูตรไม่กินอะไรเลย ๓ วัน หิวก็จิบน้ำอ้อยเอา น้ำอ้อยแค่ครึ่งลิตรก็อยู่ได้ทั้งวัน ไม่หิว แสดงว่าที่เรากินอยู่ทุกวันนี่สนองกิเลสล้วน ๆ หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : จะไปยากอะไรก็ลองลดเหลือมื้อเดียว ดูซิว่าเราจะอยู่ได้ไหม ? ถ้าอยู่ได้แสดงว่าที่ผ่านมากิเลสหลอกเรามาตลอด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 23-10-2012 เมื่อ 20:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 234 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา