ดูแบบคำตอบเดียว
  #82  
เก่า 15-07-2015, 18:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,250 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนสมัยก่อนเวลาใส่บาตร ใส่แค่ข้าวกับไข่ ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วสมัยโน้นกับข้าวที่หาได้ง่ายที่สุดก็คือไข่ ขณะเดียวกันกล้วยน้ำว้าแทบจะเป็นส่วนหนึ่งของอาหารประจำวันไปเลย เป็นของที่หาง่ายแล้วก็ใส่ง่าย ตอนสมัยผมเด็ก ๆ จะมีความนิยมอย่างหนึ่งว่า ถ้าไม่มีกับข้าวหรือหากับข้าวไม่ทัน จะตักข้าวสวยขึ้นมา โรยเกลือลงไป แล้วก็ใส่บาตร พูดง่าย ๆ ว่าโรยเกลือพอให้มีรสพอฉันได้ มักง่ายยิ่งกว่ากล้วยน้ำว้ากับไข่ต้มอีก

รุ่นผมโตมาด้วยกล้วย ไม่มีของอย่างอื่นกิน ก็เอากล้วยน้ำว้าเผา ถึงเวลาขูดใส่ปากเด็ก เอาข้าวสวยผสมกับกล้วยน้ำว้า บางทีก็มีไข่แดงหน่อยหนึ่งบี้ให้เข้ากันแล้วป้อนเด็ก เราจะเห็นว่าเด็กรุ่นหลัง ๆ พลังงานเหลือเฟือ สารพัดของที่ไปบำรุง บำรุงมาก ๆ จนพลังงานล้นเกิน แต่สติสมาธิของเขาก็ยังเป็นเด็กทารก เราจะเห็นว่าเด็กรุ่นหลังอยู่ในลักษณะไฮเปอร์แอกทีฟ พลังงานล้นเกินก็ซนฉิบหายวายป่วง รุ่นผมนี่ไม่มี เพราะที่กินเข้าไปสารอาหารเลี้ยงตัวยังไม่พอเลย จะเอาไปซนอย่างไรไหว

ทุกวันนี้ที่เด็กโตเป็นหนุ่มเป็นสาวเร็วก็ดี หรือว่าไฮเปอร์แอกทีฟหยุดนิ่งไม่ได้ กลายเป็นสมาธิสั้น เกิดจากอาหารบำรุงทั้งนั้น คือวิทยาศาสตร์ของเราอยู่ในลักษณะที่ว่า พอรู้ว่าอะไรดีก็ใส่ลงไปตะบันราดเลย โดยไม่รู้ว่าทุกอย่างต้องใช้สายกลางของพระพุทธเจ้า ถึงจะใช้ได้ เกินเมื่อไรก็เป็นเรื่องเมื่อนั้น ขาดเมื่อไรก็ไม่พอ


ถาม : สมัยก่อนไม่ค่อยมีอะไรสมัยนี้ คนสมัยก่อนจะอายุยืนมากกว่า ?
ตอบ : มีส่วนที่ว่าทำให้จิตใจของผู้คนสงบเยือกเย็นง่ายกว่า รุ่นผมอายุ ๑๒ – ๑๓ ปี ยังแก้ผ้าโดดน้ำกันอยู่เลย ไม่รู้เรื่องผู้หญิงผู้ชายเลย เพราะอัตราการเจริญเติบโตของร่างกายช้า ผู้หญิงบางที ๑๗-๑๘ ปี เพิ่งจะมีประจำเดือน สมัยนี้บางที ๘-๙ ขวบ ก็มีกันแล้ว เพราะไปกระตุ้นร่างกายมากเกินไปแล้วสติสมาธิเท่าเดิมก็แย่ ส่วนคนสมัยก่อนในเมื่อเป็นไปตามสภาพ ไม่มีสิ่งกระตุ้นเร้า โอกาสที่จิตสงบในขณะปฏิบัติธรรมก็มีมากกว่า มีส่วนเกี่ยวเนื่องกันอยู่มากทีเดียว

ถาม : มีทฤษฎีออกมาจากญี่ปุ่นว่า ให้กินวันละมื้อ ร่างกายจะกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งหนึ่ง สภาพร่างกายจะรักษาตัวเองเวลาที่หิวแล้วน้ำย่อยออกมามาก ๆ
ตอบ : ดูว่าหลวงปู่ หลวงพ่อของเราที่มาสายวัดป่าท่านกลับเป็นเด็กไหมเล่า ? ถ้ากลับไปเป็นเด็กท่านกลับก่อนแล้ว เพียงแต่ว่าสภาพร่างกายที่ไม่หนักด้วยอาหาร การปฏิบัติธรรมจะสะดวกกว่า ในขณะเดียวกันความกังวลในการหากินก็น้อยลง ที่แน่ ๆ คือประหยัดทรัพยากรไป ๒ ใน ๓ เลย

เคยกินอาหารญี่ปุ่นบ่อยไหม ? แต่ละชุดที่จัดมา เรากินให้ตายอย่างไรก็ไม่อิ่ม นั่นแหละคือลักษณะอย่างนั้น มีค่านิยมของทางด้านเซ็น เขาว่าถ้าปล่อยให้ร่างกายกึ่งหิว จิตจะมีสภาพตื่นรู้ได้ง่าย คำว่ากึ่งหิวก็คือไม่อิ่ม ให้กินบ้างแต่ไม่เต็มที่ พวกเราถ้าไปญี่ปุ่น บางทีสั่งอาหารจนเจ้าของร้านมองค้อน ของเขาชุดเดียวก็จบ ของเราสั่งแล้วสั่งอีก อยู่ในลักษณะที่ว่ากระบือกินดอกโบตั๋น ไปนึกถึงควายกินดอกโบตั๋น ไม่ได้เข้าถึงสุนทรียภาพเลย ไม่ว่าจะเป็นรสชาติ สีสัน ตั้งหน้าตั้งตาจะกินให้อิ่ม

ผมฉันอาหารญี่ปุ่นครั้งแรก เซ็งมากเลย รสชาติไม่เค็ม แต่เห็นซีอิ๊วก็เลยใส่ลงไป ก็ไม่เค็ม ใส่อีกก็ไม่เค็ม ใส่ซีอิ๊วลงไปเป็นช้อน ๆ ก็ไม่เค็ม ตกลงซีอิ๊วเขามีรสเดียว จืดสม่ำเสมอกันทั้งขวด ซีอิ๊วบ้านเราถ้าเติมมากจะเค็มขึ้น คนญี่ปุ่นอายุยืนเพราะกินอาหารรสจืด ขณะเดียวกันอาหารเขาเป็นธรรมชาติมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-07-2015 เมื่อ 14:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา