ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 16-05-2012, 09:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,351 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า"เมื่อวานอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อ “เครื่องรางนอกตำรา” เขากล่าวถึงเครื่องรางอาถรรพ์หลายประเภท อย่างแมลงทับปรอท ถ้าหากว่าตอนเด็ก ๆ ใครเคยเล่นแมลงทับ จะรู้ว่าพอแมลงทับไข่ได้ไม่นานก็จะตาย เด็กสมัยก่อนจะเล่นพวกแมลงทับ แมลงกว่างกันเป็นปกติ พอเขย่าต้นไม้แมลงพวกนี้ก็ร่วงกราว ถ้าจับช้าก็จะบินหนี ตัวไหนตกใจก็จะทิ้งตัวลงมาแกล้งนอนตายอยู่กับพื้น ให้คนไม่สนใจ

สมัยเด็ก ๆ อาตมาเอาแมลงทับใส่กระเป๋ากางเกงไว้ แล้วก็เด็ดยอดมะขามเทศอ่อนใส่ไป ๓ - ๔ ยอดให้กิน ไม่นานแมลงทับก็ไข่ในกระเป๋า พอไข่ได้ไม่นานก็ตาย เขาบอกว่าจะทำแมลงทับปรอท ต้องหาแมลงทับที่ตายวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘..หายากนะ..เพราะบางทีไม่ใช่ฤดูของแมลงทับ

เครื่องรางที่เขากล่าวถึงก็มีแมลงทับปรอท พญาสิงขร เขี้ยวเสือไฟ เขาทำได้เพราะว่าครูบาอาจารย์สมัยก่อนมีความอดทนสูง บางทีทั้งชีวิตทำเครื่องรางชิ้นเดียว สมัยนั้นเขาถือว่าเป็นของคู่ตัว นอกจากนี้มีลูกกลอนสมิง เกิดจากชานหมากว่านยาหลายอย่างผสมรวมกัน เสกด้วยคาถาอาคม มีไว้เพื่อป้องกันเสืออย่างเดียว

อย่างพญาสิงขร ต้องเอางาช้างที่ล้มเองมาแกะสลักเป็นรูปเสือ รูปสิงห์ก็ได้ แล้วก็ทำพิธีปลุกเสกตามแบบเขา ป้องกันอันตรายในป่าได้ทุกชนิด

อย่างสมัยพระร่วงมีเขี้ยวงูใหญ่เท่าผลกล้วยหอมเป็นของคู่บารมี ส่วนพวกลูกทะเลเขาใช้กระเบนท้องน้ำ หรือไม่ก็ฟันปลาฉลามเป็นเครื่องราง ยิ่งมีขนาดใหญ่ยิ่งดี

อยากจะเชื่อว่าของที่เป็นชิ้นส่วนของสัตว์เหล่านี้ยังมีกลิ่นจำเพาะตัวอยู่ พอพวกสัตว์ได้กลิ่นก็รู้ว่าไอ้ตัวมหึมานี่ดุกว่าแน่ จึงไม่ไปยุ่งด้วย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-05-2012 เมื่อ 03:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 243 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา