ตรงจุดนี้จริง ๆ จะได้เห็นว่าเรื่องของสมาธิคุ้มกันอันตรายได้ แบบเดียวกับที่พระปัจเจกพุทธเจ้าเข้านิโรธสมาบัติอยู่ คณะของนางสามาวดีในชาตินั้นไปก่อไฟผิงแล้วกลายเป็นไฟป่า ไหม้พระปัจเจกพุทธเจ้าไปด้วย นางสามาวดีเห็นก็ตกใจว่าเราเผาพระตายเสียแล้ว ก็เลยช่วยกันสุมไฟประชุมเพลิงต่อให้ ความจริงก็ด้วยความหวังดี แต่เขาไม่เข้าใจว่าพระท่านเข้าสมาธิอยู่ ถ้าสมาธิทรงตัวจริง ๆ จะคุ้มกันอันตรายได้
พอถึงเวลาตัวเองกลับไป พระปัจเจกพุทธเจ้าท่านเข้านิโรธสมาบัติครบกำหนด ท่านก็ออกจากนิโรธสมาบัติ เห็นว่าทำไมขี้เถ้าเต็มไปหมด ที่แท้โดนเขาสุมฟืนเผาซะแล้ว ด้วยกรรมที่ได้ทำในชาตินั้น แม้จะไม่เจตนาก็ตาม พอมาในชาติปัจจุบันจึงได้โดนนางมาคัณฑิยาให้คนเอาไฟเผาปราสาท นางสามาวดีพร้อมหญิงบริวารอีก ๕๐๐ จึงโดนเผาตาย แต่ว่าท่านตายในลักษณะของพระอริยเจ้า เป็นพระอนาคามีบ้าง เป็นพระสกทาคามีบ้าง เป็นพระโสดาบันบ้าง
ส่วนอาตมาเองนั่งสมาธิแล้วตัวลอย ดันลอยขึ้นไปหาพัดลมเพดาน ถ้านั่งต่อไปก็คงไม่มีปัญหาหรอก แต่ดันเกิดความรู้สึกว่ามีอะไรวับ ๆ อยู่ข้างเอว ก็เลยลืมตาขึ้นมาดูว่าคืออะไร พอเห็นว่าเป็นพัดลมเพดาน สมาธิก็คลายเลยร่วงลงมา ยังดีว่าเป็นการตกในขณะที่นั่งสมาธิ ก็เลยไม่เจ็บ ถ้าหากว่าไม่ใช่ตกในสมาธิ ด้วยความสูงประมาณ ๒ เมตรครึ่งได้ ตกมาก็คงต้องเจ็บบ้าง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-02-2012 เมื่อ 19:35
|