พระอาจารย์กล่าวว่า "ชีวิตฆราวาสมีแต่ความเครียด ร่างกายก็ทรุดโทรมเร็ว ส่วนพระจะเครียดอยู่อย่างเดียวก็คือ ทำดีแล้วไม่ได้อย่างใจ หลายท่านไม่เข้าใจ พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้แล้ว “อดทน” เป็นคำแรกของโอวาทปาฏิโมกข์
ส่วนใหญ่พระสมัยนี้ความอดทนน้อย ไปนึกถึงหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนพระท่านปฏิบัติภาวนามา ๓๐ ปี ไปจุฬามณีได้เขาแตกตื่นกันทั้งจังหวัด ๓๐ ปีเชียวนะ สมัยนี้พระบวช ๓ เดือนไม่ได้ดีก็ทำท่าจะสึกกันหมดแล้ว เอาสัก ๓ ปีก่อน ไม่ต้องถึง ๓๐ ปีหรอก ถ้าทุ่มเทจริง ๆ ๓ ปีนี่ต้องเห็นหน้าเห็นหลัง
วันก่อนโยมก็มาบ่น อยู่ ๆ ความดีก็ลดลง ฟุ้งซ่าน คิดถึงแต่เรื่องชั่ว ๆ ชวนให้กินข้าวเย็นอย่างนี้ ลูกหลานที่เคยอยู่ในโอวาทก็กวนโมโห หงุดหงิด โกรธ ถึงเวลาสอนลูกสอนหลานก็เผลอเสียงดัง เขาก็สงสัยว่าเป็นอะไร บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมากมายหรอก เขาเรียกว่ากิเลสตีกลับ เพราะว่าเราไปเผลอปล่อยให้หลุดจากการภาวนา เผลอหลุดนี่อย่าไปคิดว่าจะหลุดเฉพาะตอนเราลืมตาตื่น หลุดตอนหลับก็ได้ กว่าจะรู้ตัวกิเลสก็ครอบเต็มที่แล้ว ลืมตาตื่นขึ้นมากิเลสก็เริ่มใส่เลย
พวกนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่เป็นกันทุกคน ล้มแล้วก็ลุก ลุกแล้วก็ไปต่อ พยายามหน้าด้าน ตื๊อเข้าไว้ ทำความดีถ้าหน้าไม่ด้านพอไปไม่รอดหรอก"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-12-2018 เมื่อ 10:56
|