บันทึก ๕ พ.ค. ๕๑
มองดูพระคู่ชีวิตที่ได้รับมาจากครู ท่านเปลี่ยนสีจากสีดำสนิทเป็นสีแดง ผมให้น้องดูว่าอีกทีว่าเป็นสีแดงหรือไม่ น้องยืนยันว่ามองเป็นสีแดงจริง ๆ คงจะมีเรื่องราวเกิดขึ้น ร้ายหรือดีไม่รู้
“ตื่น ๆ ไฟไหม้บ้าน เอ็งจะนอนไปถึงไหน ?” ผมมองดูรอบตัว ไฟกำลังไหม้บ้าน ผมนึกได้ว่าต้องรีบไปบอกน้องชายก่อน ผมกำลังจะวิ่ง หลวงปู่ดู่ท่านจับแขนผมไว้ “ไม่ต้องแล้ว ข้าดับไฟให้เอ็งแล้ว”
ผมสะดุ้งตื่นจากความฝัน มองดูรอบ ๆ ห้องนอน ไม่มีไฟไหม้ แต่ก็ยังไม่แน่ใจ เดินตรวจดูรอบบ้านก็ไม่มีไฟไหม้ สงสัยจะกินมากไป ฝันเห็นหลวงปู่ก็ใจชื้นแล้ว
สิบห้าวันต่อมา หลังจากที่ผมตื่นนอนยามบ่าย มองดูนาฬิกาบอกเวลาสิบหกนาฬิกาสามสิบห้านาที ผมเปิดประตูบ้านออกไป “อยู่บ้านด้วยหรือ ? ป้านึกว่าไม่มีใครอยู่ รู้ไหมไฟไหม้ท้ายรถเรา ? ป้ากลับจากซื้อของ เห็นไฟลุกไหม้ท้ายกระบะ ป้าเรียกก็ไม่มีใครออกมา เห็นปิดประตูบ้าน ป้าเลยให้ลูกชายป้าปีนไปดับไฟ ดีนะที่ป้ามาทัน ไม่อย่างนั้นเรื่องใหญ่แน่” “ขอบคุณครับป้า”
มองดูท้ายรถกระบะ น้ำท่วม หมอนเปียก มีรอยไหม้ที่แม็กลายเนอร์ ยาวเกือบห้าสิบเซนติเมตร ไฟคงจะเกิดจากขี้บุหรี่ติดหมอนที่ซักตากไว้ท้ายกระบะ โชคดีที่ป้าข้างบ้านมาเจอก่อน ไม่อย่างนั้นคงจะเป็นข่าวใหญ่โตในหน้าหนังสือพิมพ์ เมื่อลองนึกดูในฝันที่หลวงปู่ดู่ท่านเมตตาดับไฟให้ก็น้ำตาร่วง พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งสูงสุด กำจัดทุกข์กำจัดภัยได้จริง ผมจับพระคู่ชีวิตมองดูสีท่าน ยังคงเป็นสีแดงอยู่ คิดว่าคงจะกลับมาเป็นสีดำ
วันต่อมาผมป่วยนอนซม น้องชายบอกจะให้แฟนมาฉีดยา ให้รอออกเวรก่อน อาการป่วยครั้งนี้แปลก จับภาพพระ ท่องอิติปิโสฯ ที่เคยทำเคยสวดไม่ได้สักท่อน จะภาวนาพุทโธสามคู่ก็ไม่ไหว ท่าทางครั้งนี้จะป่วยหนักเอาเรื่อง ผ่านไปวันที่สองแฟนน้องชายก็ยังไม่มา จากที่ยังท่องพุทโธได้หนึ่งคู่ ตอนนี้พุทคำเดียวก็จะเลือนหายไปเสียแล้ว คงจะตายจริง ๆ ตายเป็นตาย ยอมแล้ว ไม่เอาแล้ว ไม่เกิดแล้ว มือกำพระไว้แน่น วันที่สามแฟนน้องชายออกเวรมาถึงประมาณทุ่ม ได้แค่ยาฆ่าเชื้อมาให้กิน ยาฉีดที่โรงพยาบาลหมด ยามาพรุ่งนี้ กว่าจะออกเวรก็เย็น ๆ ให้อดทนไว้
คืนวันที่สามย่างเช้าวันที่สี่ หลวงปู่ดู่ท่านมาเข้าฝันบอกว่าพ้นแล้ว กรรมคลายแล้ว เดี๋ยวก็หาย เลยขอหลวงปู่ดู่ท่านเมตตาดูเจ้ากรรมนายเวรหน่อยว่าเป็นอย่างไร ท่านเมตตาฉายภาพให้ดู ตัวใหญ่น่าจะสูงสองเมตรกว่า มาด้วยกันสองคน ใจชื้นขึ้น นึกภาพพระได้และภาวนาได้ ตกเย็นฉีดยาให้น้ำเกลือ เช้าวันที่ห้าวิ่งออกกำลังกายได้เหมือนเดิม มองดูพระคู่ชีวิตกลับดำสนิท
การป่วยครั้งนี้ทำให้รู้ว่า ถ้าอกุศลกรรมยังคงอยู่ ต้องรับกรรมไปจนกว่าจะหมด หรือจนกว่ากุศลกรรมเข้ามา ถึงจะหายป่วยไปได้