ดูแบบคำตอบเดียว
  #198  
เก่า 27-05-2017, 20:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,856 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อยากทราบความแตกต่างของอุปสมานุสติ ผลสมาบัติ และอากาสานัญจายตนะ ?
ตอบ : ต่างกันคนละโลกเลย อุปสมานุสติจริง ๆ แล้วเป็นสมถกรรมฐาน แต่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสามารถทำเป็นวิปัสสนากรรมฐานได้ ก็คือให้เราพิจารณาร่างกายจนเกิดความเบื่อหน่าย ไม่ต้องการ แล้วเอาสภาพจิตของเราเกาะพระนิพพาน

ส่วนในเรื่องของผลสมาบัติ เป็นฌานสมาบัติทั่ว ๆ ไป อย่างเช่นฌาน ๑-๒-๓-๔ เพียงแต่ว่าผู้ที่เข้าถึงฌานนี้ต้องได้มรรคผลตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป ในเมื่อได้มรรคผลนั้นแล้วจึงได้เรียกเป็นผลสมาบัติ ไม่อย่างนั้นก็เป็นสมาบัติธรรมดา

ส่วนอากาสานัญจายตนฌานนั้นเป็นการที่เราปล่อยวางรูป ไปยึดความว่างของอากาศแทน เพราะเห็นว่าโทษทั้งหลายเกิดจากรูป อากาสานัญจายตนญาณทำได้เต็มที่กำลังเท่ากับฌาน ๔ แต่การที่เห็นทุกข์เห็นโทษจากรูปนี่คล้าย ๆ กับวิปัสสนาญาณ เพียงแต่ว่ายังยึดในส่วนของฌานสมาบัติมากไป เลยไม่ใช่วิปัสสนาญาณ ต่างกันแค่นี้เอง


ถาม : ขั้นตอนของการไปสู่อารมณ์นั้น ?
ตอบ : ขั้นตอนของการไปสู่อารมณ์นั้น ผลสมาบัตินี่ถือว่า “ได้แล้ว” ถ้าอุปสมานุสตินี่เราต้องค่อย ๆ ทำไป บวกกับลมหายใจเข้าออก ถึงจะเป็นฌานสมาบัติได้

ส่วนของอากาสานัญจายตนฌานนั้น ถึงคุณจะไม่ได้อรูปฌานตัวนี้ แต่ต้องได้ฌาน ๔ แล้วจึงจะทำได้ ก็แปลว่า ผลสมาบัติกับอากาสานัญจายตนฌาน มีต้นทุนของตัวเองแล้ว แต่อุปสมานุสตินี่ต้องสร้างต้นทุนให้เกิดก่อน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-05-2017 เมื่อ 02:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 130 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา