ตอนนี้พระอาจารย์ได้รับหน้าที่เป็นอาจารย์สอนพระนิสิต
ท่านกล่าวว่า "การไปสอนพระนักศึกษา ไม่ได้เห็นประโยชน์เรื่องอื่น นอกจากว่าจะได้มีโอกาสนำเอาบางสิ่งที่เราเห็นว่าดีไปเพิ่มให้เขา เมื่อวานก็บอกกับเขาว่า ตอนที่พระพุทธศาสนาสูญไปจากอินเดีย เกิดจากคณะสงฆ์ติดในลาภสักการะ ละทิ้งหลักการที่แท้จริง คล้อยตามความต้องการของชาวบ้าน
บรรดาหลวงพ่อ หลวงพี่ทั้งหลาย เห็นอยู่แล้วว่าพระพุทธศาสนาสูญไปจากอินเดียเพราะอะไร ตอนนี้บ้านเราก็เริ่มมีสภาพคล้าย ๆ อย่างนั้น ก็คือเริ่มติดในชื่อเสียง ลาภ ยศ ติดในตำแหน่ง คล้อยตามเอาใจชาวบ้านเพื่อให้เขามาวัด
อาตมาบอกเขาว่า เราจะเป็นพระได้ ก็เพราะมีส่วนต่างจากชาวบ้าน ที่คนเคารพพระเพราะพระต่างจากชาวบ้าน ถ้าหลวงพ่อ หลวงพี่ทั้งหลายทิ้งหลักการโดยเฉพาะศีลพระ จะไม่มีอะไรต่างจากเขา แล้วจะไปหาความเคารพจากชาวบ้านได้อย่างไร? ถ้าเป็นอย่างนี้นานไปศาสนาพุทธก็จะล่มจมเหมือนอย่างที่อินเดีย
เพราะฉะนั้น..แม้ว่าเราจะไม่สามารถปฏิบัติตามหลักการได้เต็มที่ แต่ก็ต้องมีหลักการอยู่ ต่อไปพวกลูกพระ หลานพระที่เขามารับช่วงต่อ อาจมีอัจฉริยะสักรูปเกิดขึ้นมา นำเอาหลักการนั้นนำไปปฏิบัติแล้วเกิดผล จะทำให้ศาสนารุ่งเรืองขึ้นมาได้อีกวาระหนึ่ง
ดังนั้น..แม้ว่าเราไม่สามารถทำดีได้แต่อย่าทิ้งหลักการ สอนญาติโยมก็ให้สอนตามหลักการ เผื่อญาติโยมนำไปปฏิบัติแล้วเกิดผลดีกับตัว ก็จะมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา
สิ่งเหล่านี้ก็คือสิ่งที่ตั้งใจว่าจะคอยหยอดให้เขาทีละนิดทีละน้อย มันเป็นส่วนที่นอกเหนือจากบทเรียน บทเรียนเขามีกรอบบังคับว่าต้องสอนแบบนั้น เราเองไม่สามารถที่จะไปสอนเต็มที่ตามที่เราต้องการได้ มีอยู่อย่างเดียวคือหยอดไปเรื่อย ๆ ถ่ายทอดทายาทอสูรให้มาก ๆ ขึ้น ถึงแม้ว่าฟังแล้วจะผ่านหู แต่อย่างน้อยก็เคยได้ยิน พอไปถึงระยะหนึ่งกุศลมันเข้า เขาจะรู้สึกสะกิดใจและนำไปปฏิบัติ ก็จะเป็นประเภทต้นคดปลายตรงก็ยังดี"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 19-04-2011 เมื่อ 19:33
|