คำสอนสมเด็จองค์ปฐม
การต่อสู้กับอารมณ์นิวรณ์ที่เข้ามาสิงใจ
ฟังเรื่องราวของใครมากระทบหู ก็จงหมั่นดูอารมณ์จิตของตนเองไว้
จับตาดูว่าฟังแล้วอารมณ์อันใดเกิดขึ้นในขณะนั้น ๆ
ที่เอาดีกันไม่ได้ก็คือ ไม่ค่อยจักรู้เท่าทันอารมณ์ที่เกิดขึ้นเป็นปกติ
โกรธจนชิน รักจนชิน ห่วงจนชิน กลัวจนชิน
เลยไม่รู้ว่าอารมณ์อะไรเป็นอะไร
อย่างนี้ทำกรรมฐานไปจนร่างกายตายแล้วตายอีกหลายตลบก็ไม่รู้เรื่อง
หรือบางขณะก็รู้อยู่ว่าอารมณ์ใดเกิด แต่จิตไม่คิดแก้ไข
ปล่อยอารมณ์ให้ตกอยู่ในนิวรณ์อยู่อย่างนั้น ก็ไม่มีประโยชน์เช่นกัน
การต่อสู้กับอารมณ์นิวรณ์ที่เข้ามาสิงใจ
จักต้องมีความเพียรแก้ไขอารมณ์นั้น ๆ อย่างขันติอดทน มีความตั้งใจจริง
เหมือนจอมทัพที่เห็นข้าศึก ก็ตั้งใจเคลื่อนทัพเข้าประจัญ รบราฆ่าฟัน
เพื่อมุ่งหวังในชัยชนะทุกครา มิใช่ทำจิตเป็นผู้ไม่แกล้วกล้า
เห็นข้าศึกมาก็ง่วงเหงาซึมเซาอยู่แต่ในกระดอง ไม่กล้าคิดที่จักออกมาโรมรันศัตรู
แล้วอย่างนี้ เมื่อไหร่จิตเจ้าจักรู้จักชนะนิวรณ์ได้เล่า
ตั้งอารมณ์ของจิตเสียใหม่นะ
พยายามแข็งใจเอากรรมฐานแก้จริตเข้าสู้ทุกครั้งที่อารมณ์ตกเป็นทาสของนิวรณ์
จงหมั่นกำหนดรู้อารมณ์ที่เป็นกิเลสอันเกิดขึ้นแก่จิต แม้สักนิดหนึ่งก็ต้องรีบแก้ไข
อย่าปล่อยให้อารมณ์นั้นลุกลามไปใหญ่โต ต้องอดทน ข่มใจ อดกลั้นต่อความชั่วของอารมณ์ของจิตตน
จงตั้งใจทำความเพียร ละอารมณ์ที่เป็นกิเลสตั้งแต่เวลานี้ไป
หากเจ้ามีความท้อถอยคราวใด จงคิดอยู่เสมอว่า ร่างกายนี้กำลังจักตายอยู่ในวินาทีข้างหน้านี้
จักได้คลายความประมาทในธรรมลงได้ เวลาและความตายไม่คอยใคร
จากหนังสือ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๖
รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน