ดูแบบคำตอบเดียว
  #13  
เก่า 03-10-2016, 09:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,981 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เมื่อเช้าตรู่ของวันหนึ่งผมตื่นขึ้นมาปฏิบัตินั่งสมาธิเป็นเวลา ๓๐ นาที จึงลุกขึ้นออกจากสมาธิเพราะมีอาการเหน็บชา และมีอาการปวดท้องเข้าห้องน้ำ ขณะที่เข้าห้องน้ำก็ทำจิตภาวนา น้อมนำคำสอนของท่านธมฺมวิตกฺโก แห่งวัดเทพศิรินทราวาส ที่ว่า "ร่างกายเป็นรังของโรค" ก้มมองดูสิ่งปฏิกูลที่ขับถ่ายออกมา จิตยังมีความตั้งมั่นอยู่ในสมาธิพอสมควร แต่ไม่ได้รู้สึกรังเกียจกองปฏิกูลแต่อย่างใด เห็นร่างกายไม่ใช่เรา เห็นแขนแต่ไม่ใช่เรา เห็นขาแต่ไม่ใช่เรา เห็นสิ่งปฏิกูล (อุจจาระ, ปัสสวะ) ไม่ใช่ของเรา มีความรู้สึกตัวอยู่

เมื่อเสร็จกิจในห้องน้ำ จึงออกมาเดินจงกรมต่อ เวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง เห็นความเจ็บเกิดขึ้นที่นิ้วโป้งเท้า ความเจ็บนี้เป็นเพียงกอง เป็นส่วนของมัน จิตใจไม่เป็นทุกข์ กระสับกระส่ายกับความเจ็บนี้เลย เห็นมันตั้งอยู่ รู้อยู่ที่ความเจ็บอยู่สักระยะ แล้วผมก็กล่าวเป็นภาษาบาลีโดยทันที อย่างมิได้เจตนาว่า "สัพเพ สังขารา อนิจจา สัพเพ สังขารา ทุกขา สัพเพ สังขารา อนัตตา"

เมื่อพูดจบก็เกิดความปีติขึ้นมา เมื่อความปีติปรากฏขึ้นมาประมาณ ๓ ถึง ๕ วินาที ก็เห็นว่าปีตินั้นเอ่อล้นขึ้นมา จิตรู้เท่าทันอาการ จึงวางความปีติ จิตกลับมีสภาวะสงบตั้งมั่น ไม่ยินดีในความปีติอีกเลย มีความสงบตั้งมั่น มีความเข้าใจในขณะนั้นว่า สิ่งนี้คืออุเบกขารมณ์ จึงก้มกราบพระพุทธเจ้าในเช้าวันนั้นไปหลายครั้ง ซ้ำไปซ้ำมา พร้อมกับมีน้ำตาซึมออกมา จิตใจผมก็นึกสรรเสริญพระพุทธเจ้า อย่างสุดหัวใจ "พระองค์มีพระปรีชาอย่างมาก" จากนั้นก็อาบน้ำ แต่งตัวไปทำงานตามปกติ ด้วยจิตใจที่นิ่มนวลตั้งมั่นทั้งวันเลยครับ จากการปฏิบัติครั้งนี้

การเปล่งวาจาออกเป็นภาษาบาลีออกมานั้นโดยมิได้ตั้งใจ เรียกอาการประเภทนี้ว่าอะไรครับ ?
ตอบ : เขาเรียกว่าอุทานธรรม

ถาม : การปฏิบัติในครั้งนี้ เข้าถึงฌาณหรือไม่ ? และไปถึงฌาณ ๒ ไหมครับ ?
ตอบ : ได้แค่ปีติเท่านั้น

ถาม : การปฏิบัติผ่านการวิปัสสนาบ้างไหมครับ ?
ตอบ : เกือบจะผ่าน...อารมณ์ใจที่เกิดปีติจะเข้าถึงฌานไม่ได้ จำให้แม่น ๆ อย่ามั่ว...! การที่เราเห็นว่าทุกอย่างไม่เที่ยง ทุกอย่างเป็นทุกข์ ทุกอย่างไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เป็นส่วนของวิปัสสนาอยู่แล้ว แต่ต้องพิจารณาทบทวนอย่างจริงจัง ไม่ใช่สักแต่ว่าอุทานออกมา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-10-2016 เมื่อ 14:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา