ดูแบบคำตอบเดียว
  #75  
เก่า 30-10-2009, 10:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,776 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สมัยอาตมาอยู่วัดท่าซุงส่วนใหญ่ก็มุดอยู่ใต้สวนไผ่ ๖ ไร่ ไม่ต้องยุ่งกับใคร ยกเว้นบรรดางูเหลือมหรือว่าพวกเหี้ย พวกตะกวดมันจะมายุ่งกับเราก็ไล่มันไปไกล ๆ
ถาม : จริง ๆ แล้วสัตว์พวกนี้กลัวเราไหมคะ
ตอบ : มันกลัว เพียงแต่ว่าเราไม่ได้ทำอะไรเขา แล้วคนที่นั่งกรรมฐานนี่มันคล้าย ๆ กับว่าเราไม่ได้มุ่งร้าย ในเมื่อเราไม่ได้มุ่งร้าย เขาไม่กลัวเขาก็ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แล้วท้ายสุดก็มานอนตักบ้าง มานอนบนอกบ้าง

ถาม : แล้วเขารู้หรือคะว่าเรารักเขา
ตอบ : ถ้าว่ากันตามหลักวิทยาศาสตร์ ในแต่ละอารมณ์ใจร่างกายของเราจะหลั่งสารเคมีแบบต่าง ๆ กันออกไป สัตว์มันสามารถรับสัมผัสได้ แต่ถ้าว่ากันตามหลักของศาสนา หลักของการปฏิบัติทางจิต ก็ต้องบอกว่าสัตว์มันสามารถรับรู้ได้ว่าใครมีความเมตตาหรือใครไม่เมตตามัน คือพวกนี้เขาเป็นสัตว์เลือดเย็นถึงเวลาต้องหาที่อุ่นนอน แล้วไอ้ที่อุ่นที่สุดก็อยู่ตรงนั้นแหละ นอนตักยังดี อาตมาโดนมันทับอก ตัวอะไรวะเบ้อเริ่มเลย ค่อย ๆ ลากมันออก

ถาม : ตัวใหญ่แค่ไหน
ตอบ : ก็มีตั้งแต่ประเภทเล็ก ๆ จนถึงใหญ่กว่าขาอ่อน

ถาม : คุยได้ไหมเจ้าคะ
ตอบ : ก็คงได้ แต่เราฟังไม่รู้เรื่อง ถึงเวลาก็มาแลบลิ้นแพล่บ ๆ ก็คงอยากจะคุยด้วย ได้แต่บอกมัน บอกว่าไม่อร่อยหรอกอย่ากินเลย

ถาม : สนิทกันขนาดนี้ทำไมหลวงพ่อบอกไม่ค่อยอยากจะเจองู
ตอบ : เจอทีไรแล้วชอบจับมันเล่น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 30-10-2009 เมื่อ 12:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 106 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา