ดูแบบคำตอบเดียว
  #81  
เก่า 17-10-2014, 15:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,873 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงหลวงปู่ไวยว่า "คนสมัยก่อนศึกษาอะไรเขาศึกษาจริงจัง แพทย์แผนโบราณก็เป็นกรรมฐานดี ๆ นี่เอง ต้องใช้ทั้งคาถา น้ำมนต์ ทั้งอำนาจจิตเข้าไปช่วย สมัยนี้เขาเรียนไม่ได้แม้แต่เสี้ยวเดียวของสมัยโน้น สมัยนี้ได้แต่ตัวยา ตัวยาบางอย่างถ้าไม่ประกอบคุณพระก็รักษาโรคไม่ได้ กลายเป็นว่ายิ่งเรียนก็ยิ่งถอยหลัง

มีคุณหลวงสุวิชานแพทย์ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ ท่านมีศักดิ์เป็นน้าของหลวงพ่อวัดท่าซุง ถึงเวลาคนไข้มาหา ท่านก็เสกหมากให้กิน นั่นหมอสมัยใหม่นะ เสกหมากให้กิน เป็นถึงเจ้ากรมแพทย์เลยนะ ถ้าสมัยนี้ก็ระดับอธิบดีอะไรสักกรมหนึ่ง ท่านเป็นน้าของหลวงพ่อ แล้วหลวงพ่อวัดท่าซุงมาอยู่กับท่านยายที่วัดเรไร (ตลิ่งชัน) ตั้งแต่เด็ก หลวงพ่อท่านเลยเข้านอกออกในกรมอู่ทหารเรือเป็นว่าเล่น มีโอกาสพบปะผู้ใหญ่สมัยนั้นอย่างเสด็จในกรมหลวงชุมพร เสด็จในกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธินเป็นปกติ

คนไม่เข้าใจมักจะเขียนเป็น “สุวิชาญ” สุวิชานของท่านใช้ น.หนู มาจากสุวิชานในภาษาบาลี สุวิชาโน ภวํ โหติ ทุวิชาโน ปราภโว

เสียดาย..พอท่านสิ้นไปคนหนึ่งคนป่วยมาอาตมาไม่รู้ว่าจะส่งไปไหน ไม่มีหลวงปู่ธรรมชัย ไม่มีหลวงปู่ไวย เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยไม่รู้ว่าจะส่งไปหาใคร หลวงปู่ครูบาธรรมชัยท่านเป็นหมอโดยหน้าที่ ส่วนหลวงปู่ไวยท่านเป็นหมอเพราะรู้จริง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-10-2014 เมื่อ 15:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 212 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา