กลายเป็นว่าเราเลี้ยงโจรไว้ปล้นตัวเอง แล้วยังคงโดนปล้นอยู่ทุกวัน โดยไม่รู้สาเหตุว่าทำไมถึงโดน ตรงจุดนี้จึงต้องระวังให้มาก ว่าการภาวนานอกจากต้องหาจุดที่พอเหมาะพอดี ที่เป็นมัชฌิมาปฏิปทาของตัวเองแล้ว เมื่อกำลังใจทรงตัวเต็มที่ไปต่อไม่ได้ ให้รีบหาวิปัสสนาญาณมาครุ่นคิด พินิจพิจารณาให้เห็นความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเรา เพื่อให้สภาพจิตยอมรับ
หรือไม่ก็พิจารณาเห็นความเกิดความดับ หรือว่าเห็นว่าทุกอย่างดับสลายหมดสิ้นไป หรือเห็นว่าร่างกายนี้เป็นทุกข์เป็นภัย ร่างกายนี้เป็นของน่ากลัว ถ้าท่านสามารถทำอย่างนี้ได้ เมื่อพินิจพิจารณาไปเรื่อยระยะหนึ่ง สภาพจิตจะทรงสมาธิเองโดยอัตโนมัติ เพราะว่าจิตที่ดิ่งลึกลงไปในการพิจารณาตรงหน้า ก็จะสร้างสมาธิขึ้นมาเอง เราก็กำหนดภาวนาต่อไปได้เลย
เมื่อภาวนาไปจนเต็มที่ไปต่อไม่ได้แล้ว ก็คลายออกมาพิจารณาอีก ทำสลับไปสลับมาดังนี้ ความก้าวหน้าในการปฏิบัติถึงจะมี
ลำดับต่อไปขอให้ท่านทั้งหลายภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันเสาร์ที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๓
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย คะน้า)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 23-07-2020 เมื่อ 20:44
|