พระอาจารย์กล่าวว่า "งานวันวิสาขบูชามีบางท่านใส่รองเท้าแหลมเปี๊ยบกราบพระ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถึงเวลาพระต่างประเทศเขาถามว่าทำไมไม่ถอดรองเท้า ? อาตมาก็ตอบไม่ได้ ที่น่าเกลียดยิ่งกว่านั้นก็คือเวลางาน ทั้งผู้หญิงผู้ชายใส่รองเท้าเข้าโบสถ์ ยังดีว่าเป็นโบสถ์ที่วัดอื่น ถ้าวัดท่าขนุนแล้วใส่รองเท้าเข้าโบสถ์ รับประกันว่าจะได้จำไปตลอดชีวิตเลย..!
พอ ๆ กับปฏิบัติธรรมคราวที่แล้ว มีโยมอยู่คนหนึ่ง เอารถวิ่งเข้าไปจอดบนอิฐตัวหนอนที่ปูไว้ ประเภทคิดว่าตัวเองบารมีสูง มาถึงก็มีที่ว่างให้จอด ทั้ง ๆ ที่มีขอบปูนสูงลิบ ยังตะเกียกตะกายเอารถขึ้นไปจอด ถ้าไม่โดนด่าก็หูตาไม่สว่าง ก็แปลว่าต้องโดน..! แต่เชื่อเถอะ...คนเราไม่จำหรอกว่าตัวเองทำอะไรผิด แต่จะจำว่าคนอื่นผิดที่ไปด่าเขา เพราะวิสัยคนเรามักเข้าข้างตนเองโดยอัตโนมัติ ต่อให้ทำผิดก็จะไม่ยอมรับง่าย ๆ เพราะว่ามีอัตตา คือตัวกูของกูอยู่เต็มที่ ที่ภาษาฝรั่งเขาเรียกว่าอีโก้
ในเมื่อยึดตัวกูเป็นหลัก อะไรที่กูทำ "ต้องได้" ก็จะอยู่ในลักษณะว่า ถ้าคนอื่นทำแล้วผิด ถ้าเราทำไม่เป็นไร โบราณเขาถึงได้บอกว่า “ผิดคนอื่นมองเห็นเช่นภูเขา ผิดของเรามองเห็นเท่าเส้นขน” คือผิดของตัวเองไม่เป็นอะไร ผิดขนาดไหนก็มองเห็นเท่าเส้นขน “ตดคนอื่นเหม็นเบื่อเหลือจะทน ตดของตนถึงเหม็นไม่เป็นไร” เพราะฉะนั้น..ปฏิบัติธรรมแล้วโปรดระมัดระวังตรงจุดนี้ไว้ด้วย อย่าแบกอัตตาไว้มาก ระมัดระวัง ค่อย ๆ ลด ค่อย ๆ ละ เลิกได้จะเป็นคุณแก่ทั้งตัวเองและบุคคลอื่นเป็นอย่างยิ่ง"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-06-2015 เมื่อ 14:00
|