ดูแบบคำตอบเดียว
  #27  
เก่า 07-09-2012, 20:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,619
ได้ให้อนุโมทนา: 151,818
ได้รับอนุโมทนา 4,413,446 ครั้ง ใน 34,209 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พวกเราคงจะเคยได้ยินสำนวนชายสามโบสถ์ ชายสามโบสถ์ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าบวช ๓ ครั้ง แต่หมายถึงถือศาสนา ๓ ศาสนาแล้วยังเอาดีไม่ได้ เจอโบสถ์พุทธ โบสถ์คริสต์ โบสถ์อิสลามไปแล้วยังเอาดีไม่ได้ แล้วใครจะไปคบด้วย

เพราะฉะนั้น..สำนวนชายสามโบสถ์ของคนโบราณ บ่งบอกถึงความเป็นคนจับจด ทำอะไรไม่จริงจัง หรือไม่ก็เป็นคนเถรตรงเกินไป ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ คนประเภทนี้เดินแล้วเลี้ยวไม่เป็น เจอถนนเป็นหลุมเป็นร่องก็ลุยไปอย่างนั้น หกล้มหกลุกหัวร้างคางแตก ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร

ต้องบอกว่าถ้าหลักการของพุทธศาสนาปฏิบัติแล้วยังเอาดีไม่ได้ ก็ไม่ต้องไปปฏิบัติที่อื่นหรอก แต่อาตมาก็ไม่บอกเขา กลัวว่าจะกลับมาอีก..!

ในอนันตริยกรรม ๕ อย่าง ก็คือกรรมที่มีโทษหนักอย่างหาที่สุดได้ยาก ประกอบไปด้วย การฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพระอรหันต์ ทำร้ายพระพุทธเจ้าถึงห้อพระโลหิต และยุสงฆ์ให้แตกกัน บางแห่งท่านนับอัญญสัตถุเทศเข้าไปด้วย

อัญญสัตถุเทศ
ก็คือ การถือพระพุทธศาสนาแล้วเปลี่ยนใจไปนับถือศาสนาอื่น อรรถกถาจารย์บางแห่งท่านถือว่าเป็นอนันตริยกรรมด้วย เหมือนกับมีช่องทางที่จะหลุดพ้นอยู่แล้ว อยู่ ๆ ก็ไปตะเกียกตะกายทางอื่นแทน ถ้าเขาไปมีความมั่นคงในศาสนาอื่น ก็อีกนานกว่าที่จะย้อนกลับมาได้ คำว่าอีกนานก็คือนับชาติไม่ถ้วน ท่านคงเห็นว่าโทษหนักพอ ๆ กับอนันตริยกรรม"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2012 เมื่อ 03:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 225 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา