ดูแบบคำตอบเดียว
  #48  
เก่า 02-06-2018, 23:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,368 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าญาติโยมดูข่าวคราวในปัจจุบันนี้ก็จะเห็นว่า บรรดาญาติโยมผู้หญิงทั้งหลายอยู่กับบ้านแท้ ๆ ก็ยังโดนลากเข้ากุฏิไปเสียเยอะ เป็นข่าวเป็นคราวไม่ดีไม่งามออกมาอยู่เรื่อย ๆ แล้วภิกษุณีนั้นมีกติกาบังคับว่า ต้องอาศัยอยู่ร่วมกับพระภิกษุ โอกาสที่ปุถุชนทั้งหลายจะกระทำเรื่องผิดเรื่องพลาดให้ศาสนามัวหมองเสียหาย จนคนหมดความเลื่อมใสแล้วศาสนาตั้งอยู่ไม่ได้ก็จะมีอยู่มาก พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสว่า

อันดับแรก ผู้ที่จะบวชภิกษุณีต้องรับครุธรรม ๘ ประการ ประการหนึ่งก็คือ เมื่ออุปสมบทในส่วนของภิกษุณีแล้วต้องมาญัตติซ้ำในส่วนของภิกษุสงฆ์

ประการที่สอง ปวัตตินี ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ของภิกษุณีนั้นต้องได้ ๒๐ พรรษาขึ้นไป ถึงจะเป็นพระอุปัชฌาย์บวชให้ภิกษุณีได้ ในขณะที่ฝ่ายสงฆ์นั้น ถ้าได้ ๑๐ พรรษา รู้พระวินัยครบถ้วน ก็สามารถเป็นพระอุปัชฌาย์ได้

พระอุปัชฌาย์ฝ่ายปวัตตินีนั้น จะบวชภิกษุณีได้แค่ปีละ ๑ รูป เมื่อบวชแล้วต้องเว้นไปอีกปีหนึ่ง ถึงจะบวชได้ใหม่ ก็แปลว่า ๒ ปีบวชภิกษุณีได้ ๑ รูป

ส่วนผู้ที่จะเป็นภิกษุณีนั้นต้องมาเป็นสิกขมานา ถือศีลข้อที่ ๑ ถึงข้อที่ ๖ ในศีล ๘ อย่างเคร่งครัดเป็นระยะเวลา ๒ ปี ถ้าศีลไม่ขาดถึงอนุญาตให้บวชได้ ถ้าศีลขาดเมื่อไร ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ทันที
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-06-2018 เมื่อ 02:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 112 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา