ดูแบบคำตอบเดียว
  #30  
เก่า 15-02-2010, 16:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,403,769 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไปถึงสำนักอาจารย์ใหญ่ คือท่านอุรุเวลกัสสปะ (พี่ชายคนโตของชฎิลทั้งสาม) ปรากฏว่าท่านอุรุเวลกัสสปะมีบริวารอยู่ ๕๐๐ คน ฟังให้ดี ๆ นะ บริวาร ๕๐๐ คน นี่ถือว่าเยอะที่สุด

พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร สมัยเป็นโกลิตะมาณพและอุปติสสะมาณพ มีบริวารคนละ ๕๐๐ แต่ว่าพอไปอยู่สำนักสัญชัยปริพาชก อุปติสสะได้ฟังธรรมจากพระอัสสชิได้เป็นพระโสดาบัน กลับมาบอกโกลิตะมาณพ ได้ฟังธรรมแล้วกลายเป็นพระโสดาบันไปด้วย ทั้งสองไปเกลี้ยกล่อมสัญชัยปริพาชก บอกว่าให้ไปอยู่สำนักของพระสมณโคดมกันเถอะ สัญชัยปริพาชกไม่ยอมไป ด้วยทิฏฐิมานะที่ตนเป็นอาจารย์ใหญ่ ให้ไปเป็นลูกศิษย์ของคนอื่นจึงไม่ยอม อุปติสสะมาณพและโกลิตะมาณพจึงชวนบริวารไป ปรากฏว่าบริวารยอมไปแค่ครึ่งเดียว ก็คือ คนละ ๒๕๐ เพราะฉะนั้น..เวลาที่พระพุทธเจ้าแต่งตั้งเอตทัคคะ ก็เลยต้องตั้งให้พระอุรุเวลกัสสปะ เป็นผู้เลิศในการมีบริวารมาก

เมื่อพระพุทธเจ้าไปถึงสำนักของท่านอุรุเวลกัสสปะ จึงเข้าไปขอพักอาศัยด้วย พระพุทธเจ้ากลายเป็นคนแปลกหน้า เป็นราชสีห์ในฝูงแกะ หรือเขาเห็นเป็นลูกแกะก็ไม่รู้ ? ท่านจัดให้พระพุทธเจ้าไปพักในโรงไฟที่มีพญานาคอยู่ คิดว่าถ้าไม่เก่งจริงก็คงหนีกระเจิงออกมาเอง พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร พอพญานาคออกมา พระองค์ท่านก็หยิบใส่บาตร จากพญานาคตัวใหญ่ ๆ เหลือตัวเท่างูเขียวเท่านั้น..!
พวกเราส่วนใหญ่ฟังกันแค่ตรงนี้ รู้ไหมว่าพระพุทธเจ้าอยู่ที่นั่นเป็นพรรษาเลย ? พระองค์ต้องแสดงฤทธิ์ปะทะกันอยู่ทุกวัน เพราะว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นบูชาไฟเป็นปกติ ก็คือเล่นกสิณไฟเป็นปกติ มีฤทธิ์กันทุกคน ถ้าไม่มีอะไรดีกว่า...เขาก็จะไม่เชื่อว่าเก่งจริง

พระพุทธเจ้าต้องเสด็จออกไปบิณฑบาตยังอุตรกุรุทวีป บางวันก็ไปเด็ดผลหว้าประจำทวีปมาเป็นภัตตาหาร เขาถามก็บอกตรง ๆ ปล่อยให้เขาทึ่งกันไป กว่าเขาจะยอมอ่อนลงให้นี่เป็นพรรษาเลย

พอฤดูฝนน้ำหลากมา พวกท่านเหล่านี้ก็ลอยแพไปดู ว่าพระพุทธเจ้าโดนน้ำกวาดไปแล้วหรือยัง ? ปรากฏว่าเห็นพระพุทธเจ้ายังเดินจงกรมอยู่ตามปกติ น้ำตั้งเป็นกำแพงเลย ก็แปลว่าตรงที่พระองค์ท่านเดินนั้นน้ำเข้าไม่ถึง จนกระทั่งท้ายสุดเขาก็ยอมรับ จึงได้คุยกันถึงหลักธรรมในการปฏิบัติ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-02-2010 เมื่อ 04:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา