สำหรับวันมาฆบูชานั้น วัดท่าขนุนของเราก็มีการฟังเทศน์ฟังธรรม ถวายภัตตาหารสังฆทาน ตลอดจนการบวชพระ ตามประทีป เวียนเทียนและลอยโคม เป็นต้น ซึ่งญาติโยมทั้งหลายที่ได้ตั้งใจมาบำเพ็ญกุศล ถือว่าได้ปฏิบัติตามในสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ ก็คือประพฤติปฏิบัติอยู่ในมรรค ๘ ได้แก่ หนทางที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์ ๘ ประการ ย่อลงมาแล้วก็เหลือ ศีล สมาธิ ปัญญา ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว
ดังนั้น..ญาติโยมทั้งหลายซึ่งปฏิบัติตามองค์สมเด็จพระประทีปแก้วของเรานั้น แปลว่าทุกท่านเป็นผู้ที่ตั้งใจประพฤติปฏิบัติตามหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ตรงกับอุดมการณ์ ๔ หลักการ ๓ และวิธีการ ๖ ที่พระองค์ท่านได้ตรัสเอาไว้ในวันมาฆบูชา สิ่งทั้งหลายเหล่านี้แสดงว่า ญาติโยมทั้งหลายเป็นผู้ที่ถึงพร้อมด้วยศีล ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญา ซึ่งความดีเหล่านี้เมื่อรวมกันขึ้นมา ก็จะเป็นปฏิพรย้อนสนองกลับไป ให้ท่านทั้งหลาย ไม่ว่าจะประพฤติปฏิบัติในสิ่งใดก็ตาม ย่อมอยู่ในกรอบของศีล ของสมาธิ ของปัญญา เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยความดี ทั้งกาย ทั้งวาจา และทั้งใจ ซึ่งจะนำพาตนให้ล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้ และจะเป็นตัวอย่างให้แก่บุคคลอื่นได้ประพฤติปฏิบัติตามไปด้วย
อาตมภาพรับหน้าที่วิสัชนามาในโอวาทปาฏิโมกข์กถาก็พอสมควรแก่เวลา ท้ายสุดแห่งพระธรรมเทศนา อาตมภาพขอตั้งสัตยาธิษฐาน อ้างคุณพระศรีรัตนตรัย มีพระพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะเป็นประธาน มีบารมีของหลวงปู่สาย อคฺควํโส อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนเป็นที่สุด ขอได้โปรดดลบันดาลให้ญาติโยมทั้งหลาย ถึงพร้อมด้วยความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคล สมบูรณ์พูนผลไปด้วยจตุรพิธพรชัยทั้งสี่ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ตลอดจนกระทั่งปฏิภาณและธรรมสารสมบัติอันเป็นที่พึงใจทั้งปวง
รับหน้าที่วิสัชนามาก็พอสมควรแก่เวลา จึงขอสมมติยุติพระธรรมเทศนาลงคงไว้แต่เพียงเท่านี้ เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์วันมาฆบูชา ณ วัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยหยาดฝน)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-03-2015 เมื่อ 19:18
|