มีโยมมากราบขอสัมภาษณ์พระอาจารย์ถ่ายทำรายการ ท่านกล่าวว่า "ถ้าได้คนที่เข้าใจสถาปัตยกรรม หรือศิลปกรรมอะไรได้จริง ๆ นี่จะดีมากเลย จะได้แนะนำในสิ่งที่น่าสนใจมาก บางทีแค่ลายก้านขดลายเดียวก็อธิบายได้เป็นวันแล้ว
ตอนไปวัดต่าง ๆ พอเห็นก็จะพอเดาได้ว่า พวกนี้นิยมสร้างกันในสมัยไหน อย่างรัตนโกสินทร์ของเรา ถ้าเป็นสไตล์จีนก็จะรู้ว่าสร้างในสมัยรัชกาลที่ ๒ - ๓ เพราะว่าสมัยนั้นนิยมมากก็คือ เอาเครื่องสังคโลกที่แตก ๆ หัก ๆ มาดัดแปลงเป็นดอกไม้ประดิษฐ์ ถ้าเห็นหน้าบันเป็นรูปมงกุฎ รู้เลยว่าสร้างสมัยรัชกาลที่ ๔ เพราะพระองค์ท่านมีพระนามเดิมว่าเจ้าฟ้ามงกุฎ ถึงเวลาสร้างก็จะติดสัญลักษณ์ของพระองค์ท่านเข้าไปด้วย
ถ้าเห็นพญาครุฑอยู่ โดยเฉพาะครุฑตัวเดียว ไม่มีนาค ไม่มีอะไร หรือไม่ก็เป็นนารายณ์ทรงสุบรรณ ให้รู้ว่าเป็นของรัชกาลที่ ๕ คือตั้งแต่ต้นมา ถ้าเขาทำพระราชลัญจกรครุฑพ่าห์ ก็จะเป็นครุฑยุดนาค มือก็กำคอ ตีนก็เหยียบหาง หรือไม่ก็มือจับหาง ตีนกำหัว รัชกาลที่ ๕ ทรงให้พระราชวินิจฉัยว่า ครุฑเอานาคไปทำอะไร ? ถ้าเอาไปเป็นอาหารก็ดูท่าจะตะกรามเต็มที กลัวอดหรืออย่างไร ? ไปไหนถึงต้องหิ้วไปด้วย ท้ายสุดพระองค์ท่านก็เลยให้ทำออกมาเป็นเฉพาะครุฑอย่างเดียว เป็นครุฑผงาด ไม่มีนาค ไม่มีอะไร
ถึงเวลาถ้าท่านที่เข้าใจหลักสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม จะบอกได้หมดว่าอะไรเป็นอะไร จะได้รู้ เห็นเจดีย์ มณฑป จะได้รู้ว่านี่ย่อมุมไม้ ๑๒ หน้าตาเป็นอย่างไร บันแถลงหน้าตาเป็นอย่างไร ทำไมชาวบ้านเขาเรียกซุ้มรังไก่ จะได้รู้ว่าส่วนไหนคือปล้องไฉน ส่วนไหนคือคอระฆัง ส่วนไหนคือปลียอด เม็ดน้ำค้าง ถ้าคนที่เขาบอกได้ จะทำให้เราได้ความรู้ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นเยอะ กลายเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ไม่ใช่แนะนำวัดนั้นวัดนี้อยู่ที่ไหน มีครูบาอาจารย์ดังอะไรทางด้านไหน นั่นแค่เรื่องพื้น ๆ รู้ก็ให้รู้ลึกรู้จริงไปเลย
ไปถึงเจดีย์องค์หนึ่งก็ชี้ อันนี้บัวเชิงบาตร เราก็ต้องรู้ว่าเป็นอะไร อันนี้คือฐานบัทม์คืออะไร หรือไม่ถ้าชี้ขึ้นไปบนหลังคาโบสถ์ อันไหนเป็นอะไรต้องบอกให้ถูก ใบระกากับหางหงส์ต่างกันอย่างไร นาคสะดุ้งหน้าตาเป็นอย่างไร เป็นต้น"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-08-2013 เมื่อ 15:56
|