ดูแบบคำตอบเดียว
  #15  
เก่า 21-04-2009, 13:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าเรื่องปิปผลิมาณพ (พระมหากัสสปะ) และนางภัททกาปิลานี (ภรรยาของปิปผลิมาณพ) ให้ฟัง

"ปิปผลิมาณพ เมื่อถึงคราวเจริญวัย บิดาและมารดาปรารถนาจะให้มีคู่ครอง แต่ปิปผลิมาณพไม่ต้องการจะแต่งงาน เมื่อบิดามารดาเคี่ยวเข็ญหนักเข้า ปิปผลิมาณพจึงได้นำทองคำมาหล่อเป็นรูปผู้หญิงซึ่งมีลักษณะงามมาก และได้บอกแก่บิดามารดาว่า ถ้ามีหญิงงามดังรูปหล่อทองคำนี้ตนจึงจะยอมแต่งงานด้วย

มารดาจึงสั่งให้พราหมณ์ ๘ คน ยกรูปทองคำตั้งขึ้นบนรถแล้วตระเวนไป ถ้าเจอหญิงที่มีรูปงามดังรูปหล่อนี้ให้จัดการสู่ขอและนำรูปหล่อทองคำนี้เป็นสินสอด

เผอิญว่ามีคนมีบุญเสมอกันอยู่ด้วยสิ ปรากฏว่าพราหมณ์ก็ตระเวนไปจนถึงสาคลนครในมัททรัฐ ไปเจอแม่นมของนางภัททกาปิลานี ตอนนั้นแม่นมกำลังจะไปอาบน้ำที่ท่าน้ำ แลไปเห็นรูปหล่อทองคำก็เข้าใจผิดคิดว่าเป็นธิดาของเจ้านายแอบหลบหนีออกมาเที่ยว จึงกล่าวว่า "แม่หัวดื้อ มาที่นี่ทำไม ?" แล้วเงื้อฝ่ามือตีที่ข้างแก้มของรูปหล่อ พร้อมกับพูดว่า "จงรีบกลับไป"

เมื่อพราหมณ์ทั้ง ๘ คนเห็นเข้าจึงเข้าไปถามแม่นมว่า "ธิดาของนายเจ้า งามเท่ารูปหล่อทองคำนี้หรือไม่ ?" แม่นมบอกว่า "ธิดาของนายเรางามกว่านี้พันเท่า แม้อยู่ในที่มืด ความมืดก็จะหายไปด้วยแสงสว่างที่ออกจากร่างกายของนาง" พวกพราหมณ์จึงตามไปบ้านของภัททกาปิลานี และทำการสู่ขอนาง

เรื่องนี้คนใช้เป็นต้นเหตุ ที่ทำให้ปิปผลิมาณพและนางภัททกาปิลานีได้แต่งงานกัน ก็คือ ปิปผลิมาณพไม่ต้องการจะแต่งงาน ส่วนนางภัททกาปิลานีก็ไม่ต้องการแต่งงานด้วยเช่นกัน ต่างฝ่ายจึงเขียนจดหมายว่าตนเองไม่ต้องการแต่ง ประสงค์ที่จะบวช แล้วให้คนใช้ทั้งสองฝ่ายส่งไปหาอีกฝ่าย

ระหว่างทางคนใช้ของทั้งสองมาเจอกัน ก็แอบเปิดดูข้อความในจดหมาย ต่างฝ่ายจึงทำการเปลี่ยนข้อความจดหมายเป็นทั้งสองต่างพึงพอใจซึ่งกันและกัน ดังนั้น..ทั้งสองคนจึงได้แต่งงานกัน

เมื่อแต่งงานกันไปแล้วทั้งสองก็ประพฤติอยู่ในพรหมจรรย์ เวลานอนก็นำพวงมาลัยมาคั่นกลาง ดอกไม้ในด้านของคนใดเหี่ยว พวกเขาจะรู้ได้ว่าราคะได้เกิดขึ้นแล้วแก่ผู้นั้น ไม่มีการถูกตัวหรือยิ้มหัวเราะให้กัน จนกระทั่งบิดามารดาของทั้งสองสิ้นชีวิต

ทีนี้ ทั้งปิปผลิมาณพและนางภัททกาปิลานีเป็นผู้มีทรัพย์มากถึง ๘๗ โกฏิ แต่ทั้งสองไม่ปรารถนาในทรัพย์สิน ต้องการที่จะออกบวช ทั้งสองเลยตัดสินใจปลงผมบวช เมื่อถึงทางสองแพร่งปิปผลิมาณพคิดว่า ถ้ามีคนอื่นเห็นว่าเราบวชแล้วยังมีสตรีเดินตาม คนอื่นจะคิดในทางร้าย และเกิดโทษแก่บุคคลนั้น จึงตัดสินใจแยกทางกับนางภัททกาปิลานีที่ทางสองแพร่งนั้น โดยปิปผลิมาณพเดินไปทางขวา ส่วนภัททกาปิลานีเดินไปทางซ้าย

ตรงนี้แหละที่เขาเรียกว่า ผู้หญิงเลี้ยวซ้าย ผู้ชายเลี้ยวขวา จริง ๆ แล้วมีต้นกำเนิดมาจากเรื่องนี้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 19-04-2015 เมื่อ 21:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา