พระอาจารย์กล่าวว่า "คุณหมอฉลองตายทำให้เห็นว่า คนที่ตั้งใจทำงานด้วยใจจริง ๆ ชาวบ้านจะรักมาก เพราะว่าคนไปกันแน่นวัด เผาตอน ๔ โมง ๑๓ นาที จนถึง ๕ โมงเย็นรถยังออกจากวัดไม่หมด เจ้าหน้าที่ ๕ คนช่วยกันโบกไปเถอะ ถ้าไปเจอพวก “ผมเคยออกทางนี้” สักคันก็เจ๊งเลย เขาให้เดินรถทางเดียวแล้วไปวิ่งสวน
คืนแรกที่สวดตั้งเก้าอี้ไว้ ๔๐๐ ตัวไม่พอ ไปเอาเพิ่มอีก ๓๐๐ ตัวก็ไม่พอ ก็เลยแจ้งทางด้านนายกเทศมนตรีว่า วันเผาขอเก้าอี้เพิ่มด้วย นายกเทศมนตรีเอามาให้อีก ๕๐๐ ตัว เกือบไม่พอเหมือนกัน
หมอฉลองเริ่มรับราชการที่โรงพยาบาลทองผาภูมิปี ๒๕๓๐ ทำงานด้วยใจจริง ๆ ทุ่มเททุกอย่างให้กับชาวบ้าน คิดโครงการสารพัดโครงการเพื่อสุขภาพของชาวบ้าน ใครเจ็บใครป่วยอะไรถ้าอยู่โรงพยาบาลจะตามดูตลอด ถ้ากลับบ้านแล้วก็ยังตามข่าวคราวอยู่ อยู่ ๆ ก็ตาย อายุแค่ ๕๕ ปี เป็นการตายที่กะทันหันมาก ญาติ ๆ ทำใจไม่ได้
ท่านพิจิตร โตเร็ว อัยการศาลจังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวานนี้ร้องไห้เลย เพราะว่าใส่บาตรคู่กันทุกวัน อาตมาเทศน์เมื่อวานไม่เข้าหูท่านอัยการเลย เพราะว่ามัวแต่ร้องไห้อยู่ ขึ้นบาลีว่า "อัชเชวะ กิจจะมาตัปปัง โก ชัญญา มะระณัง สุเว พระพุทธเจ้าตรัสว่า มีการงานอะไรพึงทำให้สำเร็จเสียตั้งแต่วันนี้ เพราะไม่รู้ว่าจะตายในวันพรุ่งนี้หรือเปล่า" อธิบายขยายความจนจบ ไม่ได้เข้าหูท่านอัยการเลย คิดอยู่อย่างเดียวว่าหมอฉลองตายเร็วเกินไป
วันที่ ๒๑ มิถุนายนนี้คุณหมอยังไปวัด เพราะว่าท่านทำหน้าที่มัคคนายกและเป็นไวยาวัจกรด้วย ปรากฏว่าวันที่ ๒๒ พระมหาสันติ พระน้องชายโทรมาบอกว่าหมอฉลองเข้าโรงพยาบาล อาตมาก็...เออ เดี๋ยวมีเวลาค่อยไปเยี่ยม วันที่ ๒๓ โทรมาบอกว่าตายแล้ว ไปเร็วมาก คนมีบุญมักจะไปในลักษณะอย่างนั้น ไปง่าย ไปเร็ว ไม่มีทุกข์ทรมาน คนดีตาย คนก็ร้องไห้เสียใจ คนไม่ดีตาย ถ้ามีคนร้องไห้คงจะดีใจ..!"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-08-2017 เมื่อ 16:12
|