กระผม/อาตมภาพมีประสบการณ์ถึงลูกศิษย์คนหนึ่ง ซึ่งเรียนอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ เด็กคนนี้เมื่อถึงเวลาทุ่มเทกำลังใจอยู่ตรงหน้าแล้ว แม้ว่าเพื่อน ๆ ท้ายห้องจะเล่นกันเสียงดังตึงตังโครมคราม บางทีเด็กผู้ชายก็เล่นซนจนเกินเหตุ มีการผลักกันจนกระทั่งล้ม โต๊ะเก้าอี้ฟาดพื้นดังสนั่น..!
แต่ว่าเด็กคนนี้มองอยู่แต่เฉพาะอาจารย์ที่บรรยายอยู่ตรงหน้า มีกำลังใจจดจ่ออยู่แค่นั้น โดยไม่ได้ยินเสียงภายนอกเลย แม้กระทั่งครูบาอาจารย์ก็ยังทึ่งว่า สามารถที่จะรักษาสมาธิได้ถึงระดับนี้เลยหรือ ? นี่เป็นแค่กำลังใจและประโยชน์ในเบื้องต้นของการปฏิบัติธรรมเท่านั้น
ประโยชน์ในเบื้องกลางก็คือ เมื่อสมาธิของท่านทั้งหลายทรงตัวมั่นคงแล้ว รัก โลภ โกรธ หลง ที่เป็นกิเลสใหญ่ เป็นไฟที่แผดเผาพวกเราอยู่ตลอดเวลา จะโดนกำลังของสมาธิทั้งหลายเหล่านี้กดให้ดับลงไปชั่วคราว
ขอย้ำคำว่า "ดับลงชั่วคราว" ไม่ใช่ถาวร เพราะว่าถ้ากำลังสมาธิเคลื่อนคลายออกมาเมื่อไร ท่านทั้งหลายก็จะโดนกิเลสเกาะกินอีกตามปกติ
ดังนั้น..บุคคลที่ปฏิบัติธรรมจึงมักจะได้ยินครูบาอาจารย์ท่านแนะนำอยู่เสมอว่า ให้รักษากำลังใจให้จดจ่อต่อเนื่อง ตามกันทุกลมหายใจเข้าออก แต่หลายท่านก็อาจจะลืมตรงนี้ไป เผลอสติ..ปล่อยให้กิเลสมีกำลังเหนือกว่า แล้วถึงเวลาก็เกิดอาการจิตตก สมาธิตก กรรมฐานแตก แล้วแต่ว่าจะเรียกกันแบบไหน
แต่ว่าเมื่ออาการทั้งหลายเหล่านี้เกิดขึ้นแล้ว ท่านทั้งหลายที่เคยสัมผัสกับความสุขสงบเยือกเย็นจากกำลังของสมาธิ ก็เพียรพยายามที่จะกลับเข้าสู่สมาธิในระดับเดิมอีก แต่ยิ่งตะเกียกตะกายพากเพียรเท่าไรก็ยิ่งห่างไกลเท่านั้น เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ท่านทั้งหลายไปกระทำด้วยความอยากเสียแล้ว
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-01-2023 เมื่อ 09:26
|