ดูแบบคำตอบเดียว
  #59  
เก่า 13-09-2013, 13:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,596
ได้ให้อนุโมทนา: 151,775
ได้รับอนุโมทนา 4,412,056 ครั้ง ใน 34,186 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อุปกาชีวกไปแต่งงานกับลูกสาวเพื่อน ได้ลูกมา ๑ คน โดนเมียด่าอยู่ทุกวัน ด้วยความที่ตัวเองเป็นนักบวช ไม่เคยทำมาหากิน จึงทำมาหากินไม่เป็น ได้แต่นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่กับบ้าน เมียก็ต้องทำงานงก ๆ ทั้งวัน ถึงเวลาลูกซนก็ด่าลูกกระทบผัว "ไอ้ลูกปริพาชกขี้เกียจ วัน ๆ เอาแต่นั่งกินแล้วนอน ไม่รู้จักทำงานทำการอะไร"

ต้องบอกว่าวาระของบุญเข้ามาถึง ทุกวันทนได้ วันนั้นอุปกาชีวกทนไม่ได้ บอกว่า "เราเป็นผู้ที่ไม่มีอะไร แต่ตอนนี้เราได้ข่าวว่า เพื่อนที่เรารู้จักคือพระสมณะโคดม เราไปหาเพื่อนของเราก็ได้" ที่มั่นใจว่าเป็นสมณะโคดมเท่านั้น เพราะศาสดาอื่นไม่เคยได้ยินว่ามีฉัพพรรณรังสี ว่าแล้วอุปกาชีวกก็คว้าไม้เท้าได้เดินลงเรือนไปเลย ถามข่าวคราวแล้ว ได้ยินว่าพระสมณโคดมอยู่ที่เชตวันมหาวิหาร ก็ตรงดิ่งไปเลย

พอไปถึงปรากฏว่าเจอพระอานนท์ แสดงว่าอุปกาชีวก ตั้งแต่เจอพระพุทธเจ้าจนกระทั่งไปหาพระองค์อีกครั้ง ระยะเวลาเกิน ๒๐ ปี เพราะพระอานนท์ไปอุปัฏฐากพระพุทธเจ้าในพรรษาที่ ๒๐ กว่า มิน่า..อยู่จนลูกโต โดนด่าทุกวันยังอุตส่าห์ทนอยู่ได้

พระอานนท์สอบถามว่ามาหาใคร ? อุปกาชีวกบอกว่า มาหาพระอนันตชินะ พระพุทธเจ้าทรงทราบด้วยพระญาณว่า เช้านี้อุปกาชีวกจะมา จึงสั่งพระอานนท์ไว้ก่อนว่า ถ้ามีคนมาถามหาพระชื่ออนันตชินะ ให้พามาหาเรา พออุปกาชีวกเจอพระพุทธเจ้าก็จำได้ บอกว่าองค์นี้แหละที่เจอกันในราวป่าตอนนั้น ก็เล่าให้ฟังว่าไปแต่งงาน ตอนนี้ชีวิตรักขมมาก มีลูกโตแล้วก็จริง แต่เมียด่าอยู่ทุกวัน

พระพุทธเจ้าท่านเลยเทศน์อนุปุพพิกถาให้ฟัง เป็นเนื้อหาการเทศน์ที่กล่าวถึงเรื่อง อานิสงส์ของทาน การรักษาศีล การทำความดีเบื้องต้นแล้วไปสวรรค์ แล้วท้ายที่สุดวกกลับมาเรื่องความน่าเบื่อหน่ายของการครองเรือน ในที่สุดก็วิธีการที่ออกจากการครองเรือน อุปกาชีวกได้ฟังแล้วเลื่อมใส ขอบวช แล้วตั้งใจปฏิบัติธรรม ไม่นานก็ได้บรรลุอรหัตผล

ต้องบอกว่ายังเป็นโชคดีของท่านที่เลี้ยวไปทัน ถ้าพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปก่อนก็จบเลย เจอเป็นคนแรกแต่ไม่ได้อะไร เสียของเปล่า ดังนั้น..เราจะเห็นได้ว่า ในเรื่องของวาระบุญวาระกรรม วาระการบรรลุมรรคผล ต้องรอระยะการสั่งสมไประยะหนึ่ง จนกระทั่งเขาใช้คำว่ามีอินทรีย์หรืออุปนิสัยแก่กล้าพอแล้ว เมื่อรับธรรมเข้าไปถึงจะเกิดผล เหมือนดอกบัวที่ชูช่อพ้นน้ำ พอเจอแสงอาทิตย์จึงจะบานได้ อุปกาชีวกเจอพระพุทธเจ้าเป็นคนแรกหลังตรัสรู้ แต่ต้องรออีกกว่า ๒๐ ปี กว่าจะได้ฟังธรรมแล้วเลื่อมใสไปปฏิบัติจนบรรลุมรรคผล

ความจริงท่านชื่อ อุปกะ แต่ท่านเป็นอาชีวก บาลีเลยเอาสองตัวมาเชื่อมกัน อุปกะ + อาชีวก = อุปกาชีวก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-09-2013 เมื่อ 14:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา