ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 30-01-2018, 22:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,069
ได้รับอนุโมทนา 4,399,743 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นบุคคลอีกประเภทหนึ่งที่กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วมักจะโดนเพื่อนกลั่นแกล้งอยู่เสมอ เนื่องเพราะว่าเราทำตัวไม่เหมาะสมกับกาละและเทศะ

คำว่า กาละ คือเวลาที่เหมาะสม เทศะ คือสถานที่อันเหมาะสม ถ้าว่าไปแล้วในอุทุมพริกสูตร แม้กระทั่งการนั่งสมาธิให้ผู้อื่นเห็นก็เป็นกิเลสอย่างหนึ่ง เพราะว่าอยากอวดให้คนอื่นรู้ว่าเราเป็นผู้ปฎิบัติธรรม

ฉะนั้น...การปฏิบัติของเราไม่จำเป็นที่จะต้องทำเพื่ออวดใคร ไม่จำเป็นที่จะต้องไปทำให้ใครรู้ แต่เป็นการแอบทำ คือเราจะภาวนาเราก็ภาวนาของเรา อย่าไปนั่งให้คนอื่นเขาเห็น เราจะรักษาศีลเราก็รักษาของเรา ไม่ต้องไปบอกคนอื่นว่าเรารักษาศีล ถ้าหากว่ารักษาศีล ๘ เพื่อนชวนไปกินข้าวเย็นก็ไม่ใช่ไปปฏิเสธโป้ง ๆ ไปว่า เรารักษาศีล ๘ กินข้าวเย็นไม่ได้ แต่อาจจะเลี่ยงไปว่า ระยะนี้ลดข้าวเย็นเพราะว่าเริ่มอ้วนแล้ว เป็นต้น เพราะว่าการปฏิบัติธรรมนั้น สิ่งที่จำเป็นอย่างหนึ่ง อย่าให้กาย วาจา ใจของเราเป็นทุกข์เป็นโทษแก่คนอื่น เพราะว่าจะเป็นการสร้างเวรสร้างกรรมที่สืบเนื่องกันไปไม่รู้จบ

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้นักปฏิบัติจึงต้องพึงสังวรอย่างยิ่งในเรื่องกาละและเทศะ ตลอดจนยึดเอาหลักของมรรค ๘ ให้ชัดเจนไว้ ไม่เช่นนั้นแนวทางการปฏิบัติของเราจะผิดพลาด มีโอกาสหลงออกไปนอกลู่นอกทางได้ง่าย

ในเมื่อเราเองตั้งใจปฏิบัติธรรมแล้ว สิ่งทดสอบต่าง ๆ ก็ย่อมเกิดขึ้น ลักษณะเหมือนกับเราเรียนหนังสือ ย่อมต้องมีการสอบกลางภาค มีการสอบปลายภาค มีการสอบเก็บคะแนน เป็นต้น เมื่อข้อสอบเหล่านี้เกิดขึ้น เราจะไปเที่ยวตำหนิคนอื่นไม่ได้ มีแต่ว่าเราต้องตั้งหน้าตั้งตาทำข้อสอบเพื่อให้ผ่านพ้นไปให้ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-01-2018 เมื่อ 02:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา