ดูแบบคำตอบเดียว
  #21  
เก่า 08-02-2011, 15:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,587 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : จิตมีความเบามาก เบาจนหนูตกใจมาก แทบจะเบาโหวงเหวง จับต้องไม่ได้เลย หนูพูดไม่ถูก..?
ตอบ : เบา บาง และนิวรณ์กินไม่ได้

ถาม : ใช่ค่ะ..เหมือนกับว่าไม่มี
ตอบ : อย่าเพิ่งไปเชื่อว่าดี เชื่อเมื่อไรเดี๋ยวโดนกิเลสบีบคอตายอีก ตามดูไปสักระยะหนึ่ง กติกาอะไรที่เราทำแล้วเกิดสิ่งนี้ได้ เราต้องซักซ้อมทำไปทุกวัน โดยเฉพาะในส่วนของกาย วาจา ใจอะไรก็ตาม ที่จะกระทบกับผู้อื่น พยายามระมัดระวังให้สุดขีด เพราะว่าถ้ามาถึงระดับนี้จริง ๆ ก็จะเป็นโทษแก่เขามาก กลายเป็นว่าเราต้องปรับตัวขนานใหญ่

ถาม : อีกอย่างหนึ่งคือ เราก็ทรงสมาธิของเราในระดับปกติ แต่กลายเป็นว่าจิตเชื่อมโยงกับสิ่งต่าง ๆ
ตอบ : จิตจะทำงานอัตโนมัติเองอยู่แล้ว

ถาม : เป็นอัตโนมัติใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าเราทำถึงตรงนั้นเมื่อไร ก็จะเป็นไปโดยอัตโนมัติ จำไว้นะ..อย่าเชื่อเป็นอันขาด เชื่อว่าดีเมื่อไร ตายเมื่อนั้น เราไม่ใช่ไกรทอง ที่บอกว่าเราไม่ใช่ไกรทอง ก็คือ ไกรทองเขามั่นใจในครูบาอาจารย์ เขาเลยไม่กลัวชาละวัน กลอนเขาว่า

ไกรทองเข้าชิดติดชนัก...........จมน้ำสำลักไม่ยักหนี
ทิ้งชนักควักมีดกรีดกุมภีล์....... เชื่อดีต่อสู้ไม่รู้รา


เชื่อดีก็คือ เชื่อมั่นในครูบาอาจารย์ เชื่อในความสามารถของตัวเอง แต่ของเราอย่าไปเชื่อว่าดีอย่างนั้น เชื่อว่าดีเดี๋ยวจะแย่

ถาม : บางทีก็มีความเผลอ ปรุงแต่งไปว่าเราดี พอเผลอตัวสมาธิก็เข้ามาหยุดไว้ทันที กลายเป็นว่า ปรุงไปได้สักประมาณ ๑-๒ วินาที ทีนี้เราก็ใช้ปัญญามองเห็นว่า แม้กระทั่งการที่เรามองเห็นว่าเราดีหรือเราชั่ว ก็ยังเป็นอารมณ์ที่หนักอยู่ ถ้าอย่างนั้นเราไม่ดีเราไม่ชั่วก็แล้วกัน หนูว่าตรงนี้จะใช่มากกว่า
ตอบ : เราต้องไม่เกาะทั้งสองฝ่าย ถ้ามีความคล่องตัวจริง ๆ กรรมฐานพวกนี้เขาจะขึ้นมาทำหน้าที่ของเขาโดยอัตโนมัติเอง อย่างที่เล่าให้ฟังเมื่อเดือนก่อนว่า อยู่ ๆ ก็โดนอสุภกรรมฐานเข้ามาเล่นจนเกือบหงายท้อง ทำต่อไป..เรียนจบเมื่อไรค่อยเข้าวัด เป้าหมายสูงมากเลย เรียนจบแล้วเข้าวัด..!

ถาม : วันนั้นคุยกับเพื่อน เผลอพูดออกไปว่า แม้กระทั่งจิตก็ไม่ใช่เรา เพื่อนเขารู้สึกค้านในใจ เขาบอกว่าหลวงพ่อฤๅษีบอกไม่ใช่หรือ ว่าร่างกายกับจิตเป็นคนละส่วนกัน ร่างกายไม่ใช่เรา ส่วนเราคือจิตที่แยกออกมา หนูก็บอกเพื่อนไปว่า ลองคิดดูสิ..ถ้าทำไปจนถึงระดับหนึ่ง จนท้ายสุดเห็นว่าทุกสิ่งไม่ใช่เรา แม้กระทั่งจิตซึ่งเป็นส่วนที่ละเอียดที่สุด จะเห็นว่าเป็นเราได้อย่างไร ? คือ มีสภาวะของความเป็นจิตอยู่ แต่เราไม่ไปยึดมั่นถือมั่นว่าจิตนั่นคือเรา
ตอบ : สาธุ...อธิบายได้ชัดแล้ว แต่เพื่อนจะเข้าใจหรือเปล่า ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-02-2011 เมื่อ 16:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา