ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 07-04-2018, 22:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,071
ได้รับอนุโมทนา 4,399,736 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default ปกิณกธรรมงานบวชเนกขัมมปฏิบัติ วันอาสาฬหบูชา ปี ๒๕๖๐

สิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนไว้นั้น เป็นความดีจริงแท้ที่เราจะต้องขวนขวายและปฏิบัติตาม แต่อย่าปฏิบัติเฉพาะในตอนที่มีการจัดปฏิบัติธรรมของทางวัดเท่านั้น เพราะว่ากิเลสไม่ได้รอกินเราตอนวัดจัดการปฏิบัติธรรม แต่กิเลสกินเราอยู่ตลอดเวลา ทั้งหลับทั้งตื่น ทั้งยืนทั้งนั่ง เผลอเมื่อไร รัก โลภ โกรธ หลง ก็ไล่ตะครุบ ไล่ฟัดเรา

เพราะฉะนั้น...สิ่งที่ควรทำที่สุดก็คือ พยายามรักษาอารมณ์การปฏิบัติเอาไว้ให้ได้ทุกนาทีที่ต้องการ ทันทีที่ รัก โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้น ต้องรีบวิ่งเข้าหาฌานสมาบัติไว้ก่อน ถ้าเราสามารถทรงฌานได้ทันทีทันใดตามที่ต้องการ กิเลสจะถอยไปเอง เพราะว่าสู้เราไม่ได้

ในเมื่อกิเลสถอยไป เราจะเป็นบุคคลที่มารมองไม่เห็น นี่เป็นพระโอวาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เนื่องเพราะว่าบุคคลที่ทรงฌานเอาไว้ได้ รัก โลภ โกรธ หลง ไม่สามารถที่จะเกิดขึ้นได้ชั่วคราว ในเมื่อเสนามารเหล่านี้ไม่สามารถที่จะเกิดขึ้นได้ ก็ไม่สามารถรายงานให้พญามารรู้ได้ว่า ตอนนี้เราทำอะไร เราเป็นอะไร พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสว่า บุคคลที่ทรงฌานได้ จะเป็นบุคคลที่มารมองไม่เห็น แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะทำให้มารมองไม่เห็นได้ตลอดเวลา เนื่องเพราะว่าเราเผลอสติเมื่อไร รัก โลภ โกรธ หลง ก็กลับคืนมา เราก็จะตกเป็นทาสของมารต่อไปตามเดิม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-04-2018 เมื่อ 03:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา